โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. การระบาดเริ่มคุมไม่อยู่อีกครั้ง
สหรัฐได้ยืนยันยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่สูงถึง 34,000 ราย และเริ่มเข้าใกล้ระดับสูงสุดที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนอีกครั้ง
ทั้งนิวยอร์ก คอนเน็คติคัต และนิวเจอร์ซีย์ได้ประกาศใช้มาตรการกักตัว 14 วันสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ภายหลังจากที่สหรัฐเพิ่งประกาศใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อไม่นานมานี้
ส่วนฟลอริดาและเท็กซัสต่างก็รายงานยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐจากฮิวส์ตันก็เผยว่าหน่วยดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินกำลังจะเต็มในวันนี้
ล่าสุดมหาวิทยาลัยวอชิงตันในซีแอตเทิลได้ปรับเพิ่มผลคาดการณ์ผู้เสียชีวิตในสหรัฐจากเดิมที่คาดว่าเดือนต.ค.จะมีผู้เสียชีวิตราว 122,000 ราย เป็น180,000 ราย
2. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน การปรับตัวเลข GDP และยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน
ในวันนี้จะมีการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกและต่อเนื่องในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลเล็กน้อยเหลือ 1.3 ล้านรายจากสัปดาห์ก่อน 1.502 ล้านราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องคาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 20 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายน
นอกจากนี้รัฐบาลสหรัฐจะรายงานการปรับตัวเลข GDP ไตรมาสแรกด้วย แต่ก็อาจไม่ได้รับความสนใจมากนักเนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากนักในเดือนมีนาคม ส่วนยอดคำสั่งซื้อประจำเดือนพฤษภาคมก็จะรายงานออกมาในเวลาเดียวกัน
3. ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวหลายทิศทาง
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวหลายทิศทางหลังจากประสบกับวันที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1030 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าขยับลง 106 จุดหรือ 0.4% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าติดลบ 0.3% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าขยับขึ้นไม่ถึง 0.1%
หุ้นที่น่าจับตาในวันนี้ได้แก่กลุ่มหุ้นธนาคารเนื่องจากเฟดจะประกาศผลการทดสอบภาวะวิกฤต (stress test) ประจำปีในช่วงครึ่งหลังของวันนี้ โดยประเด็นที่น่าจับตาคือหนี้สูญที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดจะส่งผลให้เฟดบังคับใช้ข้อจำกัดเกี่ยวกับการจ่ายเงินตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นและการจ่ายเงินโบนัสพนักงานหรือไม่
4. Wirecard ยอมแพ้ ส่วน Lufthansa ยอมขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล
บริษัทผู้ให้บริการชำระเงินของเยอรมนี Wirecard ได้ประกาศยื่นล้มละลายแล้ว สามวันให้หลังจากที่บริษัทยอมรับว่ามีเงินในบัญชีของบริษัทที่สูญหายไปเป็นมูลค่าถึง 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ความคืบหน้าครั้งนี้น่าจะส่งผลให้เกิดการยกเลิกการร่วมหุ้นส่วนระหว่างบริษัทอย่าง Visa, Mastercard และ JCB ภายหลังจากการเปิดโปงการฉ้อฉลครั้งใหญ่ โดยอดีตซีอีโอ Markus Braun ได้ถูกจับกุมและได้รับการประกันตัวออกไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้
ทั้งนี้ Wirecard ได้เข้าร่วมดัชนี DAX ในปี 2018 และจึงถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่หนึ่งในหุ้นของ DAX ยื่นล้มละลาย
ทางด้านกลุ่มผู้ถือหุ้นของสายการบิน Lufthansa ก็ได้ร่วมมือกันยื่นขอเงินเยียวยาจากรัฐบาลเป็นมูลค่า 9 พันล้านยูโรเมื่อวานนี้
5. พฤติกรรมการเลี่ยงความเสี่ยงได้หนุนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้น แต่สินค้าโภคภัณฑ์ติดลบ
เมื่อเวลา 6:30 น. ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐบวกขึ้น 0.2% เท่ากับ 97.34 เหลืออีกเพียง 0.2% ก็จะแตะระดับสูงสุดในเดือนนี้ได้แล้ว ทว่าขาขึ้นครั้งนี้กลับมีสาเหตุหลักมาจากการเทขายคู่สกุลเงินของทั้งเยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิส
ในทางตรงกันข้ามราคาน้ำมันดิบสหรัฐกลับขยับลง 1.0% เท่ากับ $37.61 ต่อบาร์เรลและลดลงมา 7.5% จากระดับสูงสุดที่เคยแตะเมื่อช่วงต้นสัปดาห์หลังมีสัญญาณว่าตลาดน้ำมันดิบเริ่มกลับคืนสู่เสถียรภาพ ส่วนสัญญาเบรนท์ติดลบ 0.7% และยืนเหนือ $40 ต่อบาร์เรลเพียงเล็กน้อย
ห้ามพลาด
กราฟเด่นประจำวัน: โดยรวมทองยังขึ้นแต่รอการย่อลงมาก่อนจะดีกว่า
ทรัมป์ยังเดินหน้าอุ้มตลาดหุ้นต่อเนื่องแม้ดอลลาร์จะอ่อนค่าลงก็ตาม
กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้