ในชั่วโมงที่มีแต่กราฟขาขึ้นอยู่เต็มกระดานลงทุน ตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดและกำลังเป็นที่จับตาดูอยู่คงหนีไม่พ้นราคาทองคำขาขึ้นของทองคำในครั้งนี้รุนแรงมากซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนจนกระทั่งขึ้นมาสร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 8 ปีได้อย่างในปัจจุบัน แม้ว่าภาพรวมแล้วจะเป็นแนวโน้มขาขึ้นแต่เราก็อยากจะเขียนบทวิเคราะห์ที่เตือนถึงความเป็นไปได้ในการย่อตัวลงมาของทองคำอีกสักครั้ง
การเตือนครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 18 พฤษภาคมในตอนที่ราคาขึ้นมาอยู่ที่ $1,771.85 หลังจากที่ทำขาขึ้นมา 5 วันติดต่อกันซึ่งในวันเดียวกันนั้นราคาทองคำก็ได้ร่วงลงไปทำจุดต่ำสุดของวันที่ $1,671.70 จากนั้นวันที่ 5 มิถุนายนราคาทองคำสามารถร่วงลงมามากถึง $100 หรือคิดเป็น 5.6% ภายในระยะเวลาเพียง 15 วัน
สิ่งที่ทาง Investing.com พยายามจะสื่อคือเราไม่ได้เขียนประโยคก่อนหน้านี้ออกมาเพื่ออวดสิ่งที่ตัวเองวิเคราะห์ เพียงแต่เราไม่อยากให้นักลงทุนที่กำลังเห็นทองคำขาขึ้นตอนนี้ตัดสินใจเข้าในตำแหน่งที่ไม่สมควรจะเข้า ในสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ถึงอย่างไรทองคำก็มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว
รูปแบบหัวไหล่ (Head & Shoulder) ที่เสร็จสมบูรณ์มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนยังคงมีผลกับราคาในปัจจุบัน จนถึงตอนนี้กราฟยังพยายามเจาะแนวต้านที่เป็นจุดสูงสุดของวันที่ 14 เมษายนซึ่งมองอีกอย่างหนึ่งว่าเป็นช่วงไหล่ขวาได้ หลังจากนั้นราคาทองคำก็ปรับตัวลดลง $1.85 ลงมาต่ำกว่าเส้น neckline ก่อนที่จะสามารถกลับขึ้นไปยืนอยู่บนเส้นได้อีกครั้ง ระยะห่างจากเส้น neckline ถือว่าไม่มาก (0.6%) และหลังจากนั้นเราก็ได้เห็นราคาทองคำสลับขึ้นลงระหว่างเส้น neckline นี้อยู่เรื่อยๆ
ก่อนที่จะมาถึงขาขึ้นปัจจุบันตอนแรกเราเข้าใจว่าขาขึ้นน่าจะเริ่มเหนื่อยกับความพยายามจะขึ้นแล้วเพราะราคาได้สร้างรูปแบบธงลู่ลงออกมา ประกอบกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตลาดกำลังยินดีกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกของสหรัฐฯ และโดยรวมตลาดหุ้นยังคงปรับตัวขึ้นได้ดีอยู่ จนกระทั่งเกิดแท่งเทียนที่มีลักษณะคล้ายหัวค้อนขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายนแสดงให้เห็นว่าขาขึ้นได้ปฏิเสธแรงขายที่เทเข้ามาเป็นที่เรียบร้อย
นอกจากนี้แท่งเทียนรูปหัวค้อนนั้นยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนที่รอสัญญาณขาขึ้นดีๆ อยู่แล้วได้มีโอกาสเข้าถือทองคำมากขึ้น แต่ถ้ามองในมุมมองของนักลงทุนฝ่ายขาลงพวกเขาจะมองว่าการขึ้นมาเจอแนวต้านที่ไม่สามารถทะลุขึ้นได้มานานแล้วอาจกลายเป็นโอกาสที่ดีในการเทขายลงมา ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจึงเหมือนกับว่ากำลังดูเชิงซึ่งกันและกันที่บริเวณแนวต้าน ฝ่ายไหนอ่อนแรงก่อนจะเป็นโอกาสให้อีกฝั่งหนึ่งสามารถเข้าควบคุมโมเมนตัมของราคาได้ทันที
ในกรณีที่อยากหาเหตุผลมาสนับสนุนขาลงอีกเรามองว่าจากจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 14 เมษายนและจุดสูงสุดในปัจจุบันสามารถพิจารณาว่ารูปแบบที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้คือ double-top ที่สามารถโน้มน้ามนักลงทุนขาลงให้เข้ามาได้ จึงสามารถสรุปได้ว่าแม้แนวโน้มใหญ่จะเป็นขาขึ้นแต่ก็มีความเป็นไปได้หลายอย่างที่ราคาจะย่อตัวกลับลงมาก่อนที่จะปรับตัวขึ้นต่อไป
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอจนกว่าราคากลับลงมาทดสอบกรอบสามเหลี่ยมเพื่อยืนยันแนวรับก่อนที่จะวางคำสั่งซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยง จะรอการย่อลงมาราคาแต่จะเน้นการหาจุดเข้าที่ดีกว่าไม่ใช่รอหาแท่นเทียนยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง จะเสี่ยงลองวางคำสั่งขายสวนลงมาเพราะนักลงทุนในกลุ่มนี้สามารถยอมรับความเสี่ยงและมีจุดทำกำไรและขาดทุนที่เหมาะสมกับเงินทุน
ตัวอย่างการเทรด (สำหรับขาลง)
- จุดเข้า: $1,790
- Stop-Loss: $1,800
- ความเสี่ยง: $10
- เป้าหมายในการทำกำไร:$1,760
- ผลตอบแทน: $30
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3