🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.51/56 อ่อนค่าต่อเนื่อง แม้กนง.ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดกังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูงนาน

เผยแพร่ 28/09/2566 00:29
© Reuters ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 36.51/56 อ่อนค่าต่อเนื่อง แม้กนง.ขึ้นดอกเบี้ย ตลาดกังวลเฟดคงดอกเบี้ยสูงนาน
USD/THB
-

InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 36.51/56 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 36.45 บาท/ดอลลาร์ โดยระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 36.45 - 36.60 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทและสกุลเงินในภูมิภาคอ่อนค่า เนื่องจากตลาดยังกังวลว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะคงดอกเบี้ยในระดับสูง เป็นเวลานานขึ้น อีกหนึ่งปัจจัยของเงินบาท คือ วันนี้ต่างชาติขายพันธบัตรไทยสุทธิ 3,000 ล้านบาท ในส่วนของผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ประกาศออกมาว่า มีมติขึ้นดอกเบี้ยนั้น ไม่ได้ส่งผลให้เงิน บาทแข็งค่าขึ้นแต่อย่างใด เงินบาทยังขึ้นอยู่กับปัจจัยจากเฟดมากกว่า "เงินบาทวันนี้ที่ไปแตะ 36.60 บาท/ดอลลาร์ ยังคงเป็นระดับอ่อนค่าตั้งแต่เดือนพ.ย. 65 หรือในรอบ 10 เดือน" นัก บริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า วันพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36.40 - 36.70 บาท/ดอลลาร์ สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ที่ต้องติดตามคืนนี้ คือ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ

* ปัจจัยสำคัญ

- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 148.98/149.40 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 148.92 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0527/0591 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0569 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ 1,497.15 จุด เพิ่มขึ้น 3.13 จุด (+0.21%) มูลค่าซื้อขาย 46,636.01 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 2,066.21 ลบ.(SET+MAI) - คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก2.25% เป็น 2.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที พร้อมปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 66 เหลือ 2.8% จาก เดิม 3.6% ก่อนจะพุ่งเป็น 4.4% ในปี 67 โดยเลขานุการ กนง. ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัว ของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อที่อาจได้รับแรงส่งเพิ่มเติมจากนโยบายภาครัฐ - เลขานุการ กนง. กล่าวถึงมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ธปท. อยู่ระหว่างการติดตามรายละเอียด ซึ่ง ตอนนี้ยังมีความชัดเจนไม่มาก ทั้งในประเด็นการจัดหาแหล่งเงิน รูปแบบมาตรการ และระยะเวลาการดำเนินการ รวมทั้งผลต่อเศรษฐกิจ จะเป็นอย่างไร ทั้งนี้ มองว่าผลของมาตรการดิจิทัลวอลเล็ต จะไม่กระทบต่อเครดิตประเทศ คาดดัน GDP ปี 67 โตอย่างน้อย 4% - ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำใน ประเทศที่เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง ทำราคาสูงสุดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทำราคาสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตาม ทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าอยู่ในช่วงนี้ - ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ปรับลดประมาณการมูลค่าส่งออกสินค้าไทยปี 66 เหลือ - 1.5% (เดิม 0.5%) หลังการส่งออกหดตัวต่อเนื่องรุนแรง และฟื้นตัวได้ช้ากว่าคาด โดยในระยะถัดไป มองว่า การส่งออกจะมีแนวโน้ม ปรับดีขึ้นตามลำดับ และขยายตัวชัดเจนในช่วงท้ายปีจากเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 4 และปัจจัยฐานต่ำ ประกอบกับมีแรง สนับสนุนจากปัจจัยราคาสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้น - เว็บไซต์ของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ยืนยันว่า นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมแบบทาวน์ฮอลล์ ร่วมกับบรรดานักวิชาการในวันพฤหัสบดีนี้ (28 ก.ย.) โดยนายพา วเวลจะตอบคำถามของนักวิชาการที่เข้าร่วมการประชุมทาวน์ฮอลล์ นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด - ธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยภายหลังการประชุมรายไตรมาสของคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันนี้ (27 ก. ย.) ว่า PBOC จะเริ่มดำเนินการปรับนโยบายในหลายด้าน และจะบังคับใช้นโยบายการเงินอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเป้าหมาย นอก จากนี้ PBOC จะรักษาสภาพคล่องในระบบให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และรักษาการขยายตัวของสินเชื่ออย่างมีเสถียรภาพ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 ก.ค. โดยระบุว่า กรรมการ BOJ เห็นพ้องถึงความจำเป็นในการคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-loose Monetary Policy) ในการประชุมวันดังกล่าว แต่กรรมการมีความเห็นที่ขัดแย้งกันในประเด็นที่ว่า BOJ ควรจะยุตินโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบในเวลาที่รวดเร็วมากเพียงใด

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย