InfoQuest - นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.41 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 34.45 บาทต่อดอลลาร์ ทั้งนี้ คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทยังคงเคลื่อนไหว sideway โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาสถานการณ์การเมืองไทยและ การประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักในสัปดาห์นี้ สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท ประเมินว่า โมเมนตัมฝั่งอ่อนค่าเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่เงินบาทจะยังไม่ได้อ่อนค่าไปมาก จนทะลุแนวต้านโซน 34.75 บาทต่อดอลลาร์ หลังผู้เล่นต่างชาติเริ่มมองเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น และทยอยเพิ่มสถานะ Long เงินบาท (มองเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้น) อย่างไรก็ดี มองว่า เงินบาทจะยังไม่กลับมาเป็นเทรนด์แข็งค่าต่อเนื่อง จนกว่าจะ เห็นความชัดเจนของการโหวตเลือกนายกฯ และจัดตั้งรัฐบาลผสม "สัปดาห์นี้ ควรเตรียมรับมือความผันผวนในช่วงวันพฤหัสฯ ที่จะมีทั้งการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลาง ยุโรป (ECB) การเลือกนายกฯ ของไทย รวมทั้งตลาดจะรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน" นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.30-34.50 บาท/ดอลลาร์ SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 34.52000 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 141.55 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 141.72 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1125 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1123 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 34.300 บาท/ดอลลาร์ - ททท.รับมือเศรษฐกิจจีนเดี้ยง ล็อกเป้า "นักท่องเที่ยวจีน" ระดับบน ปั๊มรายได้ รวมท่องเที่ยวไทยฟื้น 80% ปีนี้ แรงส่งปี 67 ทะยาน 100% โกย 3 ล้านล้าน "แอตต้า" หวังกรุ๊ปทัวร์จีนเดินทางดันยอดจีนเที่ยวไทย แตะ 7-8 ล้านคน ชงรัฐบาลใหม่ออก มาตรการ "ยกเว้นค่าวีซ่า" หนุนเยือนไทย ด้านภาคอสังหาฯ ย้ำไทยรับอานิสงส์จีนลงทุนต่างประเทศ นิยมซื้อที่อยู่อาศัย ดันตลาดขยายตัว - รัฐบาลจีนเตรียมฟื้นคืนนโยบายเดินทางปลอดวีซ่า 15 วันสำหรับพลเมืองสิงคโปร์และบรูไน ตั้งแต่วันพุธ (26 ก.ค.) เป็น ต้นไป หลังยุตินโยบายดังกล่าวไปนานกว่า 3 ปีเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 - ตลาดการเงินจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ 3 ธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลกในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 25-26 ก.ค. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดการประชุมในวันที่ 27 ก.ค. และธนาคารกลาง ญี่ปุ่น (BOJ) จะจัดการประชุมวันที่ 27-28 ก.ค. - ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. ขณะเดียวกันคาดว่า ECB จะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 27 ก.ค. และคาดว่า BOJ อาจจะปรับนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 27-28 ก. ค.นี้ หลังจากญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% เป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน - นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ECB จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 27 ก.ค. ซึ่งอาจเป็นการปรับขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 8 ครั้งติดต่อกัน - ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานพุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% เป็นเดือนที่ 15 ติดต่อกัน ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่า BOJ อาจปรับนโยบายการเงิน