Investing.com - รวบรวม 5 เหตุการณ์สำคัญประจำสัปดาห์นี้ ที่น่าจะส่งผลต่อหุ้นและตลาดการเงินทั่วโลก
1. เส้นตายการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯ
ผู้นำการเจรจาจากสหรัฐฯ และจีนได้พบกันอีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นการเจรจาระหว่างสองประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจระดับโลกเป็นวันที่หกติดต่อกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็เร่งรัดที่จะหาข้อสรุปให้ได้ภายในเส้นตายวันที่ 1 มีนาคม ที่กำหนดไว้โดยประธานาธิบดีทรัมป์
โดยแหล่งข่าวระบุว่าทั้งสองฝ่ายต่างได้ทำการปรับลดข้อแตกต่างด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา, การเข้าถึงตลาด และลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ต่อจีนกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ความแตกต่างที่เป็นหลักสำคัญยิ่งกว่านั้นซึ่งได้แก่การปฏิบัติต่อรัฐวิสาหกิจ บริษัทย่อย การบีบบังคับให้ถ่ายโอนทางเทคโนโลยีและการโจรกรรมทางคอมพิวเตอร์ของจีนยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจา
แหล่งข่าวยังระบุอีกว่า ตัวแทนของฝั่งจีนมีกำหนดการเดินทางกลับกรุงปักกิ่งในวันนี้ ทรัมป์ได้กล่าวไว้เมื่อวันศุกร์ว่า "มีโอกาสสูงมาก" ที่จะมีการทำข้อตกลงเกิดขึ้น เขามีแนวโน้มที่จะยืดเส้นตายวันที่ 1 มีนาคมออกไปอีก และนัดพบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง อีกครั้ง
2. ประธานเฟดแถลงรายงานการดำเนินงาน
ประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะแถลงรายงานการดำเนินงานของนโยบายการเงินต่อเศรษฐกิจรายครึ่งปี แก่คณะวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี
นายเพาเวลล์มีกำหนดการแถลงรายงานการดำเนินงาน แก่คณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันอังคารเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (15:00 GMT) ส่วนวันพุธนายเพาเวลล์จะแถลงต่อคณะกรรมาธิการทางการเงินประจำสภาผู้แทนฯ ในเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออกเช่นกัน
โดยจะมีการรับฟังถ้อยแถลงของนายเพาเวลล์อย่างใกล้ชิด เพื่อทราบถึงมุมมองใหม่ ๆ ของเพาเวลล์ต่อเศรษฐกิจและมุมมองดังกล่าวจะส่งผลต่อนโยบายการเงินในอีกหลายเดือนข้างหน้าอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เฟดได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยถึงสี่ครั้งในปี 2018 บรรดานักลงทุนต่างก็คาดหวังให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ หยุดใช้นโยบายทางการเงินแบบเข้มงวดในปีนี้เพื่อเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังอยู่ในขาขึ้น
3. GDP ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4
นักลงทุนต่างจับตารอการเผยแพร่ผลการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดีเวลา 8.30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (13:30 GMT) เพื่อรับสัญญาณใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของเศรษฐกิจ
ซึ่งกำหนดการเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเดิมคือวันที่ 30 มกราคม แต่เกิดความล่าช้าออกไปเนื่องจากการปิดหน่วยงานราชการสหรัฐฯ โดยหวังว่าผลการเติบโตจะแสดงให้เห็นว่าเมื่อสามเดือนที่ผ่านมาในปี 2018 มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตรา 2.4% ต่อปี ลดลงจากอัตราการเติบโต 3.4% ในไตรมาสก่อนหน้านี้
ปฏิทินเหตุการณ์ในสัปดาห์นี้ยังรวมไปถึงการเผยแพร่ข้อมูลด้าน รายได้ส่วนบุคคล และ รายจ่าย ซึ่งได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อในรายจ่ายในการบริโภคของบุคคล (PCE) อันเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดเลือกใช้
ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญซึ่งมีกำหนดการเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ได้แก่ รายงานความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากคณะกรรมการประชุม และ ผลสำรวจ ISM ล่าสุดด้านกิจการบริการ
- ผลประกอบการของผู้ค้าปลีกที่สำคัญในสัปดาห์สุดท้าย
ขณะนี้มีเพียง 13 บริษัทใน S&P 500 ที่มีกำหนดการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์ก่อน บรรดาผู้ค้าปลีกเพิ่งเริ่มต้นเผยผลประกอบการระลอกสุดท้ายซึ่งอาจเป็นระลอกใหญ่ที่สุดสำหรับไตรมาสที่ 4
Home Depot และ Macy's จะเริ่มประเดิมประกาศผลประกอบการในวันอังคาร ส่วนผลประกอบการจาก Lowe’s (NYSE:LOW), TJX (NYSE:TJX), L Brands (NYSE:LB), และ Best Buy (NYSE:BBY) มีกำหนดการประกาศในวันพุธ Nordstrom (NYSE:JWN) รวมถึง JCPenney (NYSE:JCP) และ Gap (NYSE:GPS) ในวันพฤหัสบดี และ Foot Locker (NYSE:FL) จะประกาศผลประกอบการในเช้าวันศุกร์
บริษัทชื่อดังรายอื่นที่มีกำหนดการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ได้แก่ Square (NYSE:SQ), Dell Technologies (NYSE:DELL), HP (NYSE:HPQ), Box (NYSE:BOX), Palo Alto Networks (NYSE:PANW), Workday (NASDAQ:WDAY), Shake Shack (NYSE:SHAK), Etsy (NASDAQ:ETSY), AutoZone (NYSE:AZO), Booking Holdings (NASDAQ:BKNG), Campbell Soup (NYSE:CPB), SeaWorld (NYSE:SEAS) และ Keurig Dr Pepper (NYSE:KDP).
- ตัวเลขเงินเฟ้อในยูโรโซน
ยูโรโซนจะเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อประจำเดือนกุมภาพันธ์ในวันศุกร์เวลา 5.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (10:00 GMT)
โดยได้มีการคาดการณ์ไว้ว่ารายงานจะแสดงราคาผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้น 1.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1.4% ของเดือนที่แล้ว แต่ยังคงน้อยกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรปที่ตั้งเป้าไว้ว่าต่ำกว่า 2% เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ตัวเลขพื้นฐานโดยไม่รวมราคาพลังงานและอาหาร ยังอยู่ที่ 1.1% คงเดิมจากเดือนก่อน
ประเทศเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปนจะเผยรายงาน CPI ของแต่ละประเทศภายในสัปดาห์นี้
ธนาคารกลางยุโรปได้เล็งเห็นแล้วว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจในยูโรโซนเมื่อเดือนที่แล้วนั้นซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าธนาคารฯ จะยังคงยืนยันที่จะดำเนินการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่ผ่านมา
-- เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์