รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ธปท. หวั่นโควิด-19 อาจทำ GDP ไทยหาย 0.8 - 2%

เผยแพร่ 22/07/2564 15:28
อัพเดท 22/07/2564 15:30
© Reuters

โดย วณิชชา สุมานัส

Investing.com – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันนี้ แสดงความกังวลว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น อาจทำตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศหายไป 0.8 - 2% โดยหวังว่า รัฐบาลจะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาช่วยพยุง และกระตุ้นให้รัฐบาลเร่งหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพให้แก่ประชาชน แทนมาตราการเข้มงวดที่ออกมาในขณะนี้

นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในช่วง “Media Briefing ส่องเศรษฐกิจไทยในวิกฤติโควิด” ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังไม่สามารถที่จะคาดการณ์อะไรไม่ได้นัก และไวรัสโควิด สายพันธุ์เดลต้ากลายเป็นสายพันธุ์หลักในไทย ทำให้การระบาดมีแนวโน้มรุนแรงและยื้ดเยื้อกว่าที่คาดไว้และจะบริหารจัดการได้ยากขึ้น ทำให้ส่งผลกระทบต่อการควบคุมการระบาดในปัจจุบัน และเกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ทำให้หดตัวลง

นอกจากนี้ นางสาวชญาวดี ยังชี้ให้เห็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นและแย่ลง จากการรับมือสถานการณ์การระบาดโควิด ซึ่งก็คือ หากภาครัฐมีมาตรการเข้มข้นจนหยุดการระบาดได้ 40% และกิจกรรมของเศรษฐกิจสามารถกลับมาได้ในเดือนสิงหาคม เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบ 0.8% แต่ในกรณีที่แย่ที่สุด รัฐมีมาตรการเข้มงวด แต่ประสิทธิภาพในการดูแลการแพร่เชื้อไม่ได้มากเพียง 20% จะทำให้โควิดกลับมาระบาดได้อีก และการล็อกดาวน์จะยาวนานขึ้น และกระทบความเชื่อมันของประชาชนมากขึ้น และกระทบเศรษฐกิจถึง 2%

ธปท. ยังคาดว่า เศรษฐกิจไทยปี 64 จะขยายตัว 1.8% อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังจะยืดเยื้อและรุนเรืองกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม นโยบายการคลังจะยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในช่วงวิกฤตินี้ เพราะการใช้จ่ายของภาครัฐจะยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนและประคับประคองเศรษฐกิจในปัจจุบัน สำหรับที่ผ่านมา มีมาตราการทางการเงินช่วยเสริมสภาพคล่องและบรรเทาภาระหนี้สินชั่วคราว ซึ่งอาจจะยังได้ผลจำกัดเท่านั้น และยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกกลุ่ม

นางสาวชญาวดี ชี้ว่า เศรษฐกิจในปี 2565 ยังต้องติดตามเรื่องการระบาดของโควิด-19 และการเปิดประเทศทั้งในและต่างประเทศ ความมั่นใจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทย รวมทั้งนโยบายการคลังและวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะยังยืดเยื้อแค่ไหน ทั้งนี้ ให้ติดตามความเปราะบางของธุรกิจต่าง ๆ และหนี้ครัวเรือนเป็นหลัก ซึ่งอาจเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้น้อยลง

สำหรับปีนี้ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง ทำกำไรได้รวม 51,261 ล้านบาท จากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 เพิ่มขึ้น 9.93% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ในปีเดียวกัน และเพิ่มขึ้น 69.15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดย ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) (BAY) มีกำไรสูงสุด หลังบุ๊คกำไรขายหุ้น เงินติดล้อ (TIDLOR)

อย่างไรก็ตาม มี 5 ธนาคาร ประกอบด้วย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (CIMBT), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (KBANK) , ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) (BAY), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) (TISCO) และ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (KKP) ที่มียอดคงค้างของเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPLs) เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า สำหรับ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) (BBL) , ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ (TTB) และ แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (LHFG) มี Gross NPLs ที่ลดลง เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า

ด้าน ธปท. เตรียมออกประกาศเกณฑ์ดูแลค่าธรรมเนียมแบงก์กว่า 300 รายการ เริ่มไตรมาสปี 2564 หวังสะท้อนต้นทุน-รายได้จริง

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย