โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพุธที่ 16 กันยายนมีดังต่อไปนี้
1. สรุปการประชุมเฟด
ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะสรุปการประชุมนโยบายทางการเงินเป็นเวลาสองวัน และจะเผยแถลงการณ์หลังการประชุมในเวลา 14:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1800 GMT) และประธานเฟด นายเจอโรม เพาเวลล์ จะแถลงการณ์หลังจากนั้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงเช่นเดียวกับทุกครั้ง
คาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายใด ๆ แต่เฟดจะเผยผลคาดการณ์ทางเศรษฐกิจซึ่งประกอบไปด้วยผลคาดการณ์สำหรับปี 2023 เป็นครั้งแรก นอกจากนี้นายเพาเวลล์อาจต้องตอบคำถามเกี่ยวกับแผนการฟื้นอัตราเงินเฟ้อ ท่ามกลางอัตราการว่างงานที่สูงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง
และก่อนการแถลงข่าวของนายเพาเวลล์ จะมีการรายงานยอดการค้าปลีกสหรัฐประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งเป็นยอดการค้าปลีกครั้งแรกนับตั้งแต่สวัสดิการผู้ว่างงานหมดอายุลงเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคม โดยคาดว่ายอดการค้าปลีกจะขยายตัวขึ้น 1.0% จากเดือนกรกฎาคมที่ขยายตัวขึ้น 1.2%
2. เงินเยนแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน นายสุกะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี
เงินเยนแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม นายโยชิฮิเดะ สุกะ ได้รับการยืนยันว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไปของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.4% เท่ากับ 105.05 เยน
นายสุกะได้ให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากนายสุกะทำงานภายใต้บังคับบัญชาของอดีตนายกรัฐมนตรี นายชินโซ อาเบะ เป็นเวลานาน ดังนั้นนักวิเคราะห์จึงคาดว่านายสุกะน่าจะสานต่อนโยบายส่วนใหญ่ของนายอาเบะต่อไป
3. ตลาดหุ้นเตรียมปรับตัวขึ้นต่อ ได้รับแรงหนุนจาก Snowflake
ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากความผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยคาดว่าจะเปิดบวกเป็นวันที่สามติดต่อกัน และสัญญาฟิวเจอร์สสามดัชนีหลักล้วนปรับตัวขึ้นภายหลังการกำหนดราคา IPO ของหุ้น Snowflake
เมื่อเวลา 6:30 น. สัญญาซื้อขายดัชนี Dow 30 ล่วงหน้าดีดขึ้น 136 จุดหรือ 0.5% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าและสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq ล่วงหน้าดีดขึ้น 0.6%
หุ้น Facebook ปรับตัวลง 1.4% หลังมีรายงานว่าคณะกรรมการกลางด้านการค้าสหรัฐกำลังเตรียมสืบสวนประเด็นด้านการต่อต้านการผูกขาด ตามมาด้วยกระแสการบอยคอตต์แพลตฟอร์ม Instagram โดยคิม คาร์เดเชียน รวมทั้งเซเลบริตี้และผู้มีชื่อเสียงทางสังคมมากมาย
4. ยุโรปคุมเข้มการใช้พลังงานเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์
คณะกรรมการสูงสุดของสหภาพยุโรปได้เผยแผนการลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าเดิมในการแถลงนโยบายที่ระบุทิศทางที่ยุโรปจะฟื้นตัวจากการระบาด
สหภาพยุโรปตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะลดการผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 55% จากระดับพื้นฐานในปี 1990 ภายในปี 2030 จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 40% ซึ่งหมายความว่ากำหนดการจะมีความเข้มงวดมากขึ้นเพื่อยกเลิกการใช้พลังงานเชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ในห่วงโซ่ด้านการผลิตไฟฟ้าและการขนส่ง
ทั้งนี้กฎด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้นยังทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการเรียกเก็บภาษีพรมแดนก๊าซคาร์บอนต่อสินค้านำเข้าในระยะยาวด้วย
5. ราคาน้ำมันเด้งกลับขึ้นมาหลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐลดลง
ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งอเมริกา (API) เผยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐลดลงเกินคาด
เมื่อเวลา 6:40 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวขึ้น 2.2% เท่ากับ $39.13 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนท์บวกขึ้น 2.0% เท่ากับ $41.34
API ได้คาดการณ์ไว้ว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐประจำสัปดาห์ที่แล้วจะลดลง 9.5 ล้านบาร์เรล ต่างจากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.0 ล้านบาร์เรล ซึ่งหากออกมาในทิศทางเดียวกันกับตัวเลขของรัฐบาลที่จะรายงานออกมาในเวลา 10:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ก็อาจบรรเทาความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันโลกที่ลดลงได้