โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันศุกร์ที่ 5 มิถุนายนมีดังต่อไปนี้
1. อัตราการจ้างงานนอกภาคการเกษตรสหรัฐ
ในวันนี้จะมีการรายงานตัวเลขจากตลาดแรงงานสหรัฐเป็นครั้งที่สามของสัปดาห์นี้จากกระทรวงแรงงานสหรัฐในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก โดยคาดว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรจะลดลง 8 ล้านราย ต่ำกว่าเมื่อเดือนเมษายนที่ลดลงมากสุดถึง 20.5 ล้านราย แต่ก็ยังแสดงให้เห็นถึงสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐอยู่ดี ส่วนอัตราการว่างงานคาดว่าจะสูงขึ้นถึง 19.7% ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงหลังสงครามโลก
ทว่าสิ่งที่น่าจับตาคือหากตัวเลขกลับออกมาดีขึ้น เนื่องจากตัวเลขประเมินการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP เมื่อวันพุธได้เผยการจ้างงานที่ลดลงไป 2 ล้านตำแหน่งเท่านั้น ทว่าจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานเมื่อวานนี้ก็ได้ยืนยันว่าแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้นยังคงเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าที่นักการเมืองและตลาดคาดไว้
2. ดัชนี Stoxx แตะระดับสูงสุดในรอบสามเดือนหลัง ECB ออกมาตรการ
สินทรัพย์ฝั่งยุโรปต่างก็เคลื่อนไหวในแดนบวกวันนี้ หลังจากธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ได้เพิ่มวงเงินกองทุนซื้อตราสารหนี้อีก 6 แสนล้านยูโร (6.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ในการประชุมวันนี้
ก่อนหน้านี้ค่าเงินยูโรได้ขึ้นไปแตะระดับ $1.1384 ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคม แต่ก็อยู่ในระหว่างปรับฐานหลังจากขยับขึ้นมา 10 วันติดต่อกัน ภายหลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรปได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 7.5 แสนล้านยูโรเพื่อช่วยอุ้มเศรษฐกิจยุโรปในปีหน้า
ช่วงครึ่งแรกของเมื่อวานนี้ ธนาคาร Bundesbank ของเยอรมนีเผยว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เยอรมนีประกาศออกมาเมื่อวันพุธจะช่วยบรรเทาการหดตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ลงไปมากกว่า 1% ของ GDP ทั้งหมด แต่ถึงกระนั้นเศรษฐกิจในปี 2020 นี้ก็ยังคาดว่าจะหดตัวลงมากกว่า 7% ขณะที ่ECB คาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัวลง 8.7%
3. รัสเซียและโอเปกเห็นตรงกันเกี่ยวกับการยืดเวลาลดกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันทะยานขึ้นอีกครั้งหลังจากกลุ่ม OPEC+ ได้ตกลงกันที่จะยืดเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันระดับปัจจุบันออกไปอีกหนึ่งเดือนไปจนถึงเดือนกรกฎาคม
โดยทางองค์กรจะมีกำหนดการประชุมกันทางออนไลน์วันเสาร์นี้เพื่อการตกลงอย่างเป็นทางการ ภายหลังจากอิรักและไนจีเรียยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้เห็นชอบร่วมกันเมื่อเดือนเมษายน
เมื่อเวลา 6:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐบวกขึ้น 2.2% เท่ากับ $38.24 ต่อบาร์เรล และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ปรับตัวขึ้น 3.0% อยู่ที่ $41.20 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ราคาทะลุ $41 นับตั้งแต่ 7 มีนาคม
4. ตลาดหุ้นเตรียมเปิดตัวในแดนบวก หลังมีข่าวความคืบหน้าเกี่ยวกับโอเปก
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวกหลังมีข่าวดีจากกลุ่มโอเปก ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นมีจุดยืนที่ค่อนข้างแข็งแกร่งและเริ่มขยับเข้าใกล้ระดับก่อนเกิดการระบาด
เมื่อเวลา 6:30 น. (1030 GMT) และสัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones ล่วงหน้า 30 บวกขึ้น 283 จุดหรือ 1.1% ขณะสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.7% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 0.3%
ในทางตรงกันข้าม ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ราว 96.8 หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาติดลบถึง 1.8% ส่วนสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าปรับตัวลง 1.1% เท่ากับ $1,708.30 ต่อทรอยออนซ์
5. Slack และ Broadcom อาจทำให้ตลาดต้องประเมินหุ้นเทคโนโลยีอีกครั้ง
กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีเริ่มมีสัญญาณที่น่ากังวล หลังจากมีข่าวเชิงลบจากบริษัทชื่อดังหลังเวลาตลาดปิดเมื่อวานนี้
บริษัทผู้ผลิตชิพ Broadcom ได้ออกมาเตือนว่าผลประกอบการของบริษัทในอีกสองไตรมาสข้างหน้าจะได้รับแรงกดดันจากข้อจำกัดด้านห่วงโซ่อุปทาน และคาดว่าการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ (ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตชิพ) อาจมีความล่าช้า
ทางด้านบริษัทผู้ให้บริการรับส่งข้อความ Slack ก็ได้เผยว่าในไตรมาสล่าสุดบริษัทไม่สามารถสร้างรายได้มากเท่าที่คาดไว้ แม้ตลาดจะเชื่อมั่นว่าบริษัทมีแนวโน้มทำกำไรได้สูงเนื่องจากกระแสการทำงานจากทางไกลที่สูงขึ้นก็ตาม โดยผลประกอบการของ Slack ออกมาในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับผลประกอบการของ Zoom โดยสิ้นเชิง