Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. ข้อตกลงทางการค้าสหรัฐฯ-จีน
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททะยานขึ้นเมื่อคืนนี้หลังจากมีรายงานข่าวว่าสหรัฐฯ และจีนได้สรุปข้อตกลงทางการค้าขั้นแรกแล้ว และยังมีรายงานข่าวตามมาภายหลังอีกด้วยว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามอนุมัติข้อตกลงในช่วงเวลาหลังตลาดปิด
คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องมายังคืนนี้เมื่อมีการเผยรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าเพิ่มเติม ส่วนทางด้านตลาดหุ้นเอเชียเองก็เตรียมเปิดตัวในแดนบวกหลังสัญญาซื้อขายดัชนี Nikkei ล่วงหน้าปรับขึ้น 1%
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ก็จะมีความคึกคักเป็นพิเศษขณะที่ตลาดจับตาข้อตกลงทางการค้า แม้ว่าจะยังไม่ได้มีการสรุปเนื้อความตามกฎหมายแต่อย่างใด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนจะสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น และจะมีการเจรจากันเกี่ยวกับการลดภาษีศุลกากรสินค้าจีนสูงสุดราวครึ่งหนึ่งด้วย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุอีกด้วยว่า ประเด็นด้านการสนับสนุนเงินทุนแก่เศรษฐกิจภายในประเทศของจีนจะถูกยกออกไปสำหรับการเจรจาในอนาคต แต่จะมีการระบุประเด็นด้านทรัพย์สินทางปัญญาลงไปในข้อตกลงครั้งนี้ด้วย
2. จับตาการซื้อขายปอนด์สเตอร์ลิง
จากโพลที่สำรวจ ณ คูหาเลือกตั้งของสหราชอาณาจักรชี้ให้เห็นถึงคะแนนของพรรคอนุรักษนิยมที่นำโด่ง ปูทางให้กับข้อตกลง Brexit ของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน
GBP/USD ทะยานขึ้น 2.1% ไม่นานหลังจากผลสำรวจเผยแพร่ออกมา ส่วน EUR/GBP ติดลบ 1.75%
ผลคาดการณ์ชี้ว่าพรรคอนุรักษนิยมจะครอง 368 ที่นั่ง ขณะที่พรรคแรงงานจะครอง 191 ที่นั่ง, พรรคชาติสก็อต 55 ที่นั่ง และพรรคเดโมแครตเสรี 13 ที่นั่ง
ถือเป็นปริมาณที่นั่งในสภาที่มากที่สุดของพรรคอนุรักษนิยมตั้งแต่ปี 1987 และเป็นที่นั่งที่น้อยที่สุดของพรรคแรงงานตั้งแต่ปี 1935
คาดว่าบรรดาหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์ Brexit และตลาดหุ้นยุโรปจะมีปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นในวันนี้
3. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เตรียมรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ตลาดต้องการทราบว่าผู้บริโภคสหรัฐฯ ยังคงมีพฤติกรรมการจับจ่ายที่แข็งแกร่งหรือไม่ขณะมุ่งหน้าเข้าสู่ช่วงเทศกาล
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้โดยเฉลี่ยว่า ยอดค้าปลีก ประจำเดือนที่แล้วสูงขึ้น 0.5% และ ยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายสินค้ายานยนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ตัวเลขกลุ่มควบคุมยอดค้าปลีกซึ่งมีผลกระทบต่อ GDP สหรัฐฯ อย่างมาก คาดว่าจะ ขยายตัวขึ้น 0.3% เช่นเดิมจากเดือนก่อน