หุ้นของ Banc of California (NYSE:BANC) ลดลง 8% ในวันอังคาร เนื่องจากสถาบันการเงินประกาศเพิ่มการตั้งสํารองสําหรับการผิดนัดชําระหนี้ที่อาจเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง การตัดสินใจนี้ส่วนหนึ่งได้รับอิทธิพลจากเงินสํารองที่เพิ่มขึ้นสําหรับสินเชื่อสํานักงาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนที่ระมัดระวังในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
ภาคการธนาคารอยู่ภายใต้การตรวจสอบเนื่องจากแรงกดดันสองประการของอัตราดอกเบี้ยที่สูงและอัตราการเข้าพักที่ต่ําในอาคารสํานักงาน เนื่องจากแนวโน้มการทํางานทางไกลยังคงมีอยู่ ปัจจัยเหล่านี้นําไปสู่สภาพแวดล้อมทางการเงินที่ตึงตัวสําหรับผู้กู้และความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการผิดนัดชําระหนี้ของธนาคารที่อาจเกิดขึ้น
ในการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ Banc of California ได้เพิ่มเงินสํารองสําหรับผลขาดทุนด้านเครดิตเป็น 11 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากตัวเลขของปีก่อนหน้า
การเพิ่มขึ้นของบทบัญญัตินี้เกิดขึ้นหลังจากการควบรวมกิจการของธนาคารกับ PacWest Bancorp ซึ่งเป็นการควบรวมกิจการที่ส่งผลให้มีสินทรัพย์รวมกัน 35.2 พันล้านดอลลาร์เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่สอง สินทรัพย์ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมากจาก 9.4 พันล้านดอลลาร์ที่บันทึกไว้ก่อนการควบรวมกิจการจะเสร็จสิ้น
Michael Ashley Schulman ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Running Point Capital ให้ความเห็นเกี่ยวกับการกระทําของธนาคาร โดยตั้งข้อสังเกตว่าบทบัญญัติที่เพิ่มขึ้นอาจทําให้นักลงทุนไม่สงบ Schulman เน้นย้ําว่าความกังวลอาจเกิดขึ้นหากนักลงทุนมองว่าธนาคารล้าหลังในความพยายามในการสร้างเงินสํารองที่เพียงพอแทนที่จะจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในเชิงรุก
แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับบทบัญญัติเงินกู้ แต่ Banc of California รายงานผลกําไรสําหรับผู้ถือหุ้นสามัญที่ 20.4 ล้านดอลลาร์หรือ 12 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงไตรมาสที่สอง ผลประกอบการทางการเงินนี้ตรงกันข้ามกับการขาดทุนของปีที่แล้วที่ 207.4 ล้านดอลลาร์หรือ 2.67 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงการพลิกฟื้นในความสามารถในการทํากําไรของธนาคาร
รอยเตอร์มีส่วนร่วมในบทความนี้บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน