ในสัปดาห์นี้ Investing.com ได้รวบรวมเหตุการณ์สำคัญห้าเหตุการณ์ในปฏิทินเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มส่งผลต่อตลาดมากที่สุดดังต่อไปนี้
1. รายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ
กรมแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมีนาคม ในวันศุกร์นี้เวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่ง
อัตราว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว
ทว่า เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นการประกาศตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4% จากปีที่แล้ว และใกล้เคียงกับตัวเลขจากเดือนกุมภาพันธ์
2. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเผยยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ในเวลา 8:30น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT) ของวันจันทร์
มีการคาดการณ์เอาไว้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากที่เดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมาแล้ว 0.2% และการดิ่งลงอย่างเกินคาดหมายในเดือนธันวาคม
ยอดค้าปลีกโดยไม่รวมยอดขายยานยนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้านี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 0.9%
ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวมักเกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ
โดยรายจ่ายผู้บริโภคมีอิทธิพลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึง 70%
3. ผลสำรวจภาคการผลิตของ ISM
สถาบันการจัดการอุปทานสหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลภาคการผลิตประจำเดือนมีนาคม ในวันจันทร์เวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (14:00 GMT)
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 54.2 คงเดิมจากเดือนก่อนหน้านี้
ตัวเลขที่อยู่เหนือ 50.0 ถือว่าภาคการผลิตยังมีการขยับขยาย ส่วนตัวเลขที่ต่ำกว่า 50.0 บ่งบอกว่าอุตสาหกรรมเกิดการหดตัว
ข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ ที่มีกำหนดการประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ตัวเลขการจ้างงาน ADP (NASDAQ:ADP) ภาคเอกชน, และข้อมูลภาคกิจการบริการจาก ISM อีกด้วย
ข้อมูลชุดล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ได้สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังสูญเสียแรงขับเคลื่อนอย่างฉับพลัน จากที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวในไตรมาสที่ 4
4. การเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ - จีน
รองนายกรัฐมนตรีจีน นายหลิว เฮ่อ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับตัวแทนผู้เจรจาทางการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน เพื่อเจรจาหารือเพิ่มเติม อันมีจุดประสงค์เพื่อยุติสงครามทางการค้าระหว่างสองประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนแล้ว
ทั้งสหรัฐฯ และจีนกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในการเจรจา ณ กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสหรัฐฯ เผยว่าจีนมีความตรงไปตรงมาและช่วยให้เกิดการพัฒนา
แหล่งข่าวซินหัวของประเทศจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาด้าน "เอกสารข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง" และได้มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้า แต่ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดในรายงานใด ๆ
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาเพื่อร่างสนธิสัญญาเกี่ยวกับหกประเด็น ได้แก่ การบีบบังคับให้มีการโอนย้ายทางเทคโนโลยีและการโจรกรรมทางไซเบอร์, สิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญา, การบริการ, สกุลเงิน, เกษตรกรรม และการค้าแบบไร้กำแพงทางภาษีศุลกากร
5. Brexit จนมุม
นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางเธเรซา เมย์ กำลังได้รับแรงกดดันครั้งใหม่จากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ให้สหราชอาณาจักรถอนตัวจากสหภาพยุโรปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ได้ แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็น Brexit แบบไม่มีข้อตกลงซึ่งจะมีผลเสียตามมาก็ตาม
หนึ่งในสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า สมาชิกพรรคฯ ได้กระตุ้นให้นายกเมย์ยื่นขอยืดเวลาในระยะยาวเพื่อดำเนินการทาง Brexit ในจดหมายที่ส่งไป หลังจากข้อตกลงการถอนตัวของเมย์ได้รับการปฏิเสธเป็นครั้งที่สามจากสภาสามัญเมื่อวันศุกร์
ในวันจันทร์นี้ สมาชิกสภาจะพยายามหาทางออกร่วมกันต่อแผนการ Brexit ของเมย์ โดยทางออกที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดในขณะนี้คือการรักษาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปมากขึ้น และการเปิดลงประชามติเป็นครั้งที่สอง
นายกเมย์มีเวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ในการโน้มน้าว 27 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปว่าเมย์สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ไม่อย่างนั้นเมย์จะต้องขอยืดเวลาออกไปนานขึ้นอีก หรือถอนตัวสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 12 เมษายนนี้โดยไม่มีข้อตกลงที่ช่วยผ่อนแรงดิ่งของเศรษฐกิจในขณะนี้
-- เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์