รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

5 เหตุการณ์สำคัญ ปฏิทินเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ (1-5 เม.ย.)

เผยแพร่ 31/03/2562 16:54
© Reuters.

ในสัปดาห์นี้ Investing.com ได้รวบรวมเหตุการณ์สำคัญห้าเหตุการณ์ในปฏิทินเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มส่งผลต่อตลาดมากที่สุดดังต่อไปนี้

1. รายงานตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

กรมแรงงานสหรัฐฯ จะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมีนาคม ในวันศุกร์นี้เวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)

คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่ง หลังจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 20,000 ตำแหน่ง

อัตราว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดือนที่แล้ว

ทว่า เหตุการณ์ที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นการประกาศตัวเลขรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.4% จากปีที่แล้ว และใกล้เคียงกับตัวเลขจากเดือนกุมภาพันธ์

2. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเผยยอดค้าปลีกสหรัฐฯ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ในเวลา 8:30น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT) ของวันจันทร์

มีการคาดการณ์เอาไว้ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.3% จากที่เดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้นมาแล้ว 0.2% และการดิ่งลงอย่างเกินคาดหมายในเดือนธันวาคม

ยอดค้าปลีกโดยไม่รวมยอดขายยานยนต์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อนหน้านี้ที่เพิ่มขึ้นถึง 0.9%

ยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวมักเกี่ยวข้องกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ส่วนยอดค้าปลีกที่อ่อนแอเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงเศรษฐกิจที่กำลังตกต่ำ

โดยรายจ่ายผู้บริโภคมีอิทธิพลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ถึง 70%

3. ผลสำรวจภาคการผลิตของ ISM

สถาบันการจัดการอุปทานสหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลภาคการผลิตประจำเดือนมีนาคม ในวันจันทร์เวลา 10:00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (14:00 GMT)

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 54.2 คงเดิมจากเดือนก่อนหน้านี้

ตัวเลขที่อยู่เหนือ 50.0 ถือว่าภาคการผลิตยังมีการขยับขยาย ส่วนตัวเลขที่ต่ำกว่า 50.0 บ่งบอกว่าอุตสาหกรรมเกิดการหดตัว

ข้อมูลทางเศรษฐกิจสำคัญอื่น ๆ ที่มีกำหนดการประกาศในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน, ตัวเลขการจ้างงาน ADP (NASDAQ:ADP) ภาคเอกชน, และข้อมูลภาคกิจการบริการจาก ISM อีกด้วย

ข้อมูลชุดล่าสุดที่ออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ได้สร้างความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังสูญเสียแรงขับเคลื่อนอย่างฉับพลัน จากที่เศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวในไตรมาสที่ 4

4. การเจรจาทางการค้าสหรัฐฯ - จีน

รองนายกรัฐมนตรีจีน นายหลิว เฮ่อ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันเพื่อพบกับตัวแทนผู้เจรจาทางการค้าสหรัฐฯ นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน เพื่อเจรจาหารือเพิ่มเติม อันมีจุดประสงค์เพื่อยุติสงครามทางการค้าระหว่างสองประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนแล้ว

ทั้งสหรัฐฯ และจีนกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีความคืบหน้าในการเจรจา ณ กรุงปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยสหรัฐฯ เผยว่าจีนมีความตรงไปตรงมาและช่วยให้เกิดการพัฒนา

แหล่งข่าวซินหัวของประเทศจีนระบุว่า ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาด้าน "เอกสารข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง" และได้มีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้า แต่ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดในรายงานใด ๆ

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาเพื่อร่างสนธิสัญญาเกี่ยวกับหกประเด็น ได้แก่ การบีบบังคับให้มีการโอนย้ายทางเทคโนโลยีและการโจรกรรมทางไซเบอร์, สิทธิด้านทรัพย์สินทางปัญญา, การบริการ, สกุลเงิน, เกษตรกรรม และการค้าแบบไร้กำแพงทางภาษีศุลกากร

5. Brexit จนมุม

นายกรัฐมนตรีอังกฤษ นางเธเรซา เมย์ กำลังได้รับแรงกดดันครั้งใหม่จากสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยม ให้สหราชอาณาจักรถอนตัวจากสหภาพยุโรปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าให้ได้ แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็น Brexit แบบไม่มีข้อตกลงซึ่งจะมีผลเสียตามมาก็ตาม

หนึ่งในสมาชิกพรรคอนุรักษ์นิยมกล่าวว่า สมาชิกพรรคฯ ได้กระตุ้นให้นายกเมย์ยื่นขอยืดเวลาในระยะยาวเพื่อดำเนินการทาง Brexit ในจดหมายที่ส่งไป หลังจากข้อตกลงการถอนตัวของเมย์ได้รับการปฏิเสธเป็นครั้งที่สามจากสภาสามัญเมื่อวันศุกร์

ในวันจันทร์นี้ สมาชิกสภาจะพยายามหาทางออกร่วมกันต่อแผนการ Brexit ของเมย์ โดยทางออกที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดในขณะนี้คือการรักษาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรปมากขึ้น และการเปิดลงประชามติเป็นครั้งที่สอง

นายกเมย์มีเวลาน้อยกว่าสองสัปดาห์ในการโน้มน้าว 27 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปว่าเมย์สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ไม่อย่างนั้นเมย์จะต้องขอยืดเวลาออกไปนานขึ้นอีก หรือถอนตัวสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 12 เมษายนนี้โดยไม่มีข้อตกลงที่ช่วยผ่อนแรงดิ่งของเศรษฐกิจในขณะนี้

-- เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย