InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (12 มิ.ย.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน อย่างไรก็ดี ความกังวลที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปไกลถึงเดือนธ.ค.ได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันลดช่วงบวก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 78.50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 0.83% ปิดที่ 82.60 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นหลังจากนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐเปิดเผยว่า ฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ได้เสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ระบุในข้อเสนอการหยุดยิงกับอิสราเอล โดยฝั่งฮามาสต้องการให้ปรับแก้เงื่อนไขบางอย่างให้เหมือนกับเงื่อนไขที่ฮามาสเคยให้การยอมรับในการเจรจาครั้งก่อน
ทั้งนี้ นายบลิงเกนได้เดินทางไปยังตะวันออกกลางเป็นครั้งที่ 8 นับตั้งแต่กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 โดยการเดินทางเยือนตะวันออกกลางของนายบลิงเกนเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนเสนอแผนการหยุดยิงครั้งใหม่เพื่อยุติสงครามที่ดำเนินมานาน 8 เดือน และเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างส่งสัญญาณถึงความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากันในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ว่าสงครามในตะวันออกกลางยังไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลกอย่างเป็นรูปธรรม แต่การที่นักลงทุนมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวมีความเสี่ยงนั้นได้ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันลดช่วงบวก หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% เพียง 1 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในการประชุมเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ นักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมเฟด และมีความกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของเฟดในปีนี้อาจจะถูกเลื่อนออกไปเป็นเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.6 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 900,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 900,000 บาร์เรล ขณะที่ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล