KKP ประเมินคริปโตเคอร์เรนซี มีข้อจำกัด 3 ด้าน “ขาดคุณสมบัติของเงิน-มีข้อจำกัดในการได้รับการยอมรับ-ไม่เอื้อการบริหารนโยบายเศรษฐกิจ” รวมถึงมีความเสี่ยงสูงในการลงทุนระยะยาว วันที่ 26 กันยายน 2565 KKP Research โดยกลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร ได้ออกบทวิเคราะห์ว่า คริปโตเคอร์เรนซี (cryptocurrencies) โดยเฉพาะอย่างยิ่งบิตคอยน์ ( Bitcoin) เป็นสินทรัพย์ที่มูลค่าเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงการระบาดของโควิดเป็นต้นมา โดยคนส่วนหนึ่งลงทุนด้วยความเชื่อว่าคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินในโลกอนาคตที่สามารถมาทดแทนเงินของธนาคารกลางที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ผ่านเทคโนโลยีที่ไม่ต้องพึ่งตัวกลาง โปร่งใส และเป็นเครื่องรักษามูลค่าของตัวเองได้ด้วยปริมาณอุปทานที่มีอยู่อย่างจำกัด อย่างไรก็ตาม KKP Research ประเมินว่าบทบาทของคริปโตเคอร์เรนซีในการเข้ามาทดแทนระบบเงินปัจจุบันที่ควบคุมโดยธนาคารกลางเป็นไปได้ยากจากข้อจำกัด 3 ด้าน คือ (1) บิตคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ยังขาดคุณสมบัติของเงิน ซึ่งข้อมูลในปัจจุบันชี้ชัดว่าคริปโตเคอร์เรนซี ยังไม่สามารถทำหน้าที่ 3 ข้อหลักของเงินได้ คือ คริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange) โดยระยะเวลาในการทำธุรกรรมยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะมีความขัดแย้งกันระหว่างความสามารถในการกระจายอำนาจของระบบ (Decentralization) และความปลอดภัยของระบบ (Security) ทำให้ความสามารถในการทำธุรกรรม (Scalability) ลดลง คริปโตเคอร์เรนซี ไม่สามารถเป็นมาตรฐานในการใช้วัดมูลค่า (Unit of Account) จากความผันผวนเทียบกับเงินสกุลอื่นสูง ทำให้ผู้ขายจำเป็นต้องปรับราคาถี่ขึ้นซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนต่อเศรษฐกิจจากทั้งผู้ขายและผู้บริโภค
กดอ่านข่าว KKP ชี้ Crypto ไม่เอื้อบริหารนโยบายเศรษฐกิจ ขาดคุณสมบัติของ “เงิน” ต่อที่ Siam Blockchain