เหล่าเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจทางกฎหมายของมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกคำสั่งฉบับใหม่แบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยเป็นการห้ามไม่ให้มีการใช้อุปกรณ์ขุด Cryptocurrency ภายในดินแดนแห่งนี้ และมีคำสั่งจากเบื้องบนให้ยึดอุปกรณ์ดังกล่าวเมื่อพบเห็นทันที
เหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจแบนการขุด Bitcoin ของมณฑลกวางตุ้ง
คณะกรรมการพัฒนา และปฏิรูปจังหวัดกวางตุ้งได้ออกประกาศแบนการขุดคริปโตในครั้งนี้ โดยระบุว่ากิจกรรมการขุด Cryptocurrency ก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมหาศาล ทั้งยังนำมาซึ่งการปล่อยก๊าซคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศ และไม่มีประโยชน์ต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศเลยแม้แต่น้อย
ทั้งนี้ การแบนดังกล่าวได้อาศัยกฎหมายอนุรักษ์พลังงานแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตัวตั้งตัวตี โดยทางการจะมีอำนาจสั่งระงับการใช้อุปกรณ์ขุดคริปโตในทันที แถมยังสามารถริบทรัพย์สินเข้าคลังได้อย่างชอบธรรมโดยไม่ต้องรีรออีกด้วย
นอกจากนี้ทางการจีนยังได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในระดับจังหวัดดำเนินการตามมาตรการที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนกิจกรรมการขุดสกุลเงินดิจิทัล และการริบทรัพย์สินอย่างเคร่งครัดอีกด้วย
การแบนการขุด Bitcoin ในจีนเป็นไปอย่างเข้มข้น
ความเคลื่อนไหวของทางการกวางตุ้งไม่ได้แยกแตกแถวจากมลฑลอื่น ๆ ของจีนเลยแม้แต่น้อย เพราะมันเป็นไปตามคำสั่งแบนกิจกรรมการขุดคริปโตแบบ 100% เต็มของรัฐบาลจีนที่มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว ทั้งนี้การออกมาประกาศข้างต้น ถือเป็นการเพิ่ม “ความเข้มข้น” ของการบังคับใช้ และขอบเขตอำนาจในการยึดอุปกรณ์ทั้งหลายนั่นเอง
โดยหากย้อนไปในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 สภากลางของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ออกกฎปราบปรามการซื้อขาย Bitcoin และการขุดคริปโต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะขจัดความกังวลด้านผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และการเงินภายในประเทศ โดยความนิยม Bitcoin ได้ทำให้ค่าเงินของจีนมีความสั่นคลอน เพราะนักลงทุนจีนส่วนมากแห่ซื้อมันไว้เก็งกำไร ซึ่งทางการจีนคาดหวังให้ผู้คนหันมาใช้เงินดิจิทัลประจำชาติของตนเอง หรือ หยวนดิจิทัล เสียมากกว่า
แรงกดดันจากจีนค่อย ๆ เบาลงไปตามกาลเวลา
ปีที่แล้ว การแบนการขุด Crypto ของจีนได้ส่งแรงกระเพื่อมอย่างใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมคริปโต โดยทำให้มากกว่า 50% ของการผลิต Bitcoin ทั่วโลกเป็นอัมพาตในทันที
หลังจากเหตุการณ์ข้างต้น ก็มีเหล่าเจ้าของเหมืองในท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยที่ต้องทิ้งเครื่องจักรของตนด้วยความสิ้นหวัง ในขณะที่คนอื่น ๆ ก็พยายามย้ายฐานการผลิต โดยหาที่หลบภัยในดินแดนต่าง ๆ เช่น คาซัคสถาน และสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม ผลมาจากการปิดตัวของเหมืองจีน กลับกลายเป็นผลดีต่อการขุดคริปโตประเทศอื่น ๆ เนื่องจากส่วนแบ่งของอัตราแฮชทั่วโลกของเครือข่าย Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยวันนี้ได้มีการคาดการณ์ว่าส่วนแบ่งของสหรัฐในการขุด Crypto จะอยู่ที่ 40% สหรัฐฯ ตามมาด้วยคาซัคสถานด้วยอัตรา 18% และรัสเซียมาเป็นอันดับสามที่ 11%
นั่นจึงทำให้ได้ข้อสรุปว่าแม้จะเคยมีแรงกดดันมหาศาล แต่ความสนใจทั่วโลกในการขุด Bitcoin ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกิจกรรมการขุดก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดนิ่งเลยก็ว่าได้