เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้ ให้คำมั่นว่าจะคว่ำบาตรธนาคารและสถาบันทางการเงินของรัสเซีย เขากล่าวหลังจากที่ได้พูดคุยกับผู้นำกลุ่ม G7 โดยมีข้อตกลงร่วมกันที่จะแยกรัสเซียออกจากเศรษฐกิจโลกด้วยการจำกัดการเข้าถึงสกุลเงินหลัก “เราจะจำกัดความสามารถในการทำธุรกิจของรัสเซียในสกุลเงินดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ และเยน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก เราจะจำกัดความสามารถของพวกเขาในการทำเช่นนั้น” นอกจากการคว่ำบาตรแล้ว การแยกรัสเซียออกจากเครือข่ายการชำระเงินของ SWIFT ก็จะถูกนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นการจำกัดความสามารถในการโอนเงินไปยังธนาคารรัสเซียจากต่างประเทศ Boris Johnson นายกรัฐมนตรีอังกฤษพยายามกดดัน “อย่างหนัก” ให้ถอดถอนรัสเซียออกจาก SWIFT ขณะที่ Dmytro Kuleba รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครนได้ออกมาทวีตว่า : “หลายคนอาจสงสัยว่าเราควรแยกรัสเซียจาก SWIFT หรือไม่ การตัดสินใจนี้จะง่ายมากขึ้นเมื่อพิจารณาว่าตอนนี้เลือดเนื้อของเด็กชายและเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ชาวยูเครนกำลังตกอยู่ในกำมือของรัสเซีย” SWIFT เป็นองค์กรของเบลเยียมที่มีธนาคารและสถาบันการเงินมากกว่า 11,000 แห่งที่ใช้งานกันอยู่ทั่วโลก และรองรับข้อความได้ประมาณ 42 ล้านข้อความต่อวัน อย่างไรก็ตามเมื่อเร็ว ๆ นี้ SWIFT ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นระบบการโอนเงินที่ล่าช้า มีค่าธรราเนียมราคาแพงและเก่าล้าสมัย ทั้งนี้มีความกังวลว่า การแยกรัสเซียออกจากเครือข่ายการชำระเงินของ SWIFT จะกดดันให้พวกเขาใกล้ชิดกับจีนมากขึ้นในการพัฒนาระบบการเงินของตนเอง ในขณะเดียวกันการนำ cryptocurrency เช่น Bitcoin มาใช้ก็จะได้รับความสนใจมากขึ้น หากรัสเซียต้องการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสหรัฐฯ Matthew Sigel หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลที่ VanEck กล่าวให้ความเห็น “ทั้งเผด็จการและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจะไม่ถูกเซ็นเซอร์ใด ๆ บนเครือข่ายของ Bitcoin” ที่มา : beincrypto
กดอ่านข่าว รัสเซียจะเปลี่ยนไปใช้ Crypto หรือไม่ หากประเทศถูกจำกัดไม่ให้เข้าถึงเครือข่ายการเงินของ SWIFT ต่อที่ Siam Blockchain