เมื่อวานนี้วันที่ 31 มกราคม กรมสรรพากรได้เผยแพร่คู่มือการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีของการเสียภาษีคริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัล ซึ่งมีความยาวถึง 33 หน้า บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยคู่มือดังกล่าวมีการชี้แจงวิธีการคำนวณเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจําหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี่/โทเคนดิจิทัล การขุดคริปโตเคอร์เรนซี่ ได้รับคริปโตเคอร์เรนซี่เป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง การได้รับคริปโตเคอร์เรนซี่/โทเคนดิจิทัลจากการให้ หรือได้รับเป็นรางวัล การได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัลและคริปโตเคอร์เรนซี่ ในส่วนของการจําหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล คู่มือระบุว่า การคำนวณภาษีสามารถทำได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Average Cost) และให้คํานวณต้นทุนแยกตามประเภทของเหรียญ ซึ่งหากเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งแล้วจะต้องใช้การคำนวณนั้นตลอดทั้งปี และจะสามารถเปลี่ยนวิธีการคำนวณรูปแบบใหม่ได้ในปีภาษีถัดไป สำหรับวิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) คือการคํานวณต้นทุนคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัล โดยคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมาก่อนจะขายออกไปก่อนตามลําดับ จึงเป็นผลให้รายการคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่เหลืออยู่ ณ วันสุดท้ายเป็นคริปโตเคอร์เรนซี/โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมาครั้งหลังสุด ยกตัวอย่างเช่น นายเอ ซื้อคริปโตเคอร์เรนซี 3 ครั้ง วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564 ปริมาณ 10 เหรียญ มูลค่าเหรียญละ 20 บาท = 200 บาท วันที่ 5 มิถุนายน 2564 ปริมาณ 5 เหรียญ มูลค่าเหรียญละ 8 บาท = 40 บาท วันที่ 15 ตุลาคม 2564 ปริมาณ 15 เหรียญ มูลค่าเหรียญละ 9 บาท = 135 บาท และขายคริปโตเคอร์เรนซี 2 ครั้ง วันที่ 10 กรกฎาคม 2564 ปริมาณ 10
กดอ่านข่าว วิธีจ่ายภาษี Crypto ตามแบบฉบับกรมสรรพากรไทย ต่อที่ Siam Blockchain