Bitcoin นั้นถือเป็นตัวเก็บมูลค่าที่เหนือกว่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งปัจจุบัน Bitcoin ถือเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ใหญ่ที่สุดโดยมีปัจจัยหลายประการที่ทำให้ Bitcoin รักษามูลค่าของมันเอาไว้ได้ตามกาลเวลาที่ผันเปลี่ยน “ผมคิดว่าความศักดิ์สิทธิ์จะเกิดขึ้นเมื่อคุณตระหนักว่า Bitcoin นั้นเป็นเครือข่ายทรัพย์สินดิจิทัลที่โดดเด่นและทรัพย์สินดิจิทัลนั้นดีกว่าทรัพย์สินทางกายภาพในทุก ๆ ด้านเท่าที่จะคิดได้ถ้าผมสามารถออกแบบทรัพย์สินดิจิทัลตามหลักวิชาการเพื่อเก็บรักษาเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ผมอยากจะถือมันไว้ในมือ, เคลื่อนย้ายมันได้ด้วยความเร็วแสงผมอยากให้มันคงอยู่ตลอดไป ผมต้องการความเป็นนิรันดร์, ไม่สามารถถูกทำลายได้,ทรงพลังและตั้งโปรแกรมได้ทั้งหมด” — Michael Saylor ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ MicroStrategy ความหายาก ความหายากเป็นคุณสมบัติที่ดีอย่างหนึ่งของตัวเก็บมูลค่าที่ดีอสังหาริมทรัพย์นั้นสามารถขยายพื้นที่ออกไปได้ไม่ว่าจะจากการต่อเติมพื้นที่, การจัดสรรที่ดินเปล่ามาใช้ประโยชน์, การเรียกคืนที่ดินจากผืนมหาสมุทร ต่าง ๆ เหล่านี้ซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดความหายาก แต่มันก็เป็นการถูกคุมโดยรัฐบาลมากกว่า ซึ่งต่างจากความหายากที่แท้จริงของ Bitcoin ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่หาได้ยากที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพราะถูกออกแบบมาให้มีปริมาณทั้งหมด 21 ล้าน BTC เท่านั้น ถึงแม้จะสมมติว่าไม่มี Bitcoin ที่ “สูญหาย” ไม่ว่าจะจากทั้งการที่ผู้ถือครองนั้นหายตัวไปหรือลืม private key ในการเข้าถึง wallet พวกเขาเอง แต่จำนวนของคนที่สามารถครอบครอง Bitcoin ได้ในจำนวนทั้งหมดนั้นก็มีเพียงแค่ 0.26% ของคน 8 พันล้านคนทั่วโลก จากที่กล่าวมามีเศรษฐีเงินล้านกว่า 56 ล้านรายที่ส่วนใหญ่จะไม่สามารถครอบครอง Bitcoin ในจำนวนทั้งหมดได้แม้พวกเขาจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เป็นจำนวนมากก็ตาม ท้ายที่สุดก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า Bitcoin กว่า 90% นั้นได้ถูกขุดออกมาแล้วและ 99% จะถูกขุดออกมาภายในปี 2035 แบ่งเป็นส่วนเล็ก ๆ ได้ ตามหลักการแล้วนั้นตัวเก็บมูลค่าควรสามารถแบ่งออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ได้เพื่อเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกรรมสูงสุดซึ่งตรงจุดนี้เองนั้นเป็นปัญหาของอสังหาริมทรัพย์ที่มีข้อจำกัดในการแบ่งเป็นส่วนเล็ก ๆ สิ่งนี้ก็ได้รับการปรับปรุงเมื่อมีการถือกำเนิดขึ้นของกองทุนเพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) , กองทุนและรูปแบบของการครองครองเศษอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้นั้นทำให้คุณเป็นเจ้าของหลักทรัพย์ได้และทำให้ได้รับส่วนแบ่งโดยมีสิทธิทางกฎหมายบางประการที่แนบมาด้วยแต่แทบไม่สามารถควบคุมสิ่งใดได้เลยมักจะมาพร้อมกับความวุ่นวายเช่นข้อจำกัดด้านสภาพคล่องหรือค่าธรรมเนียมที่ฉุดรั้งผลตอบแทน ด้วยการที่ Bitcoin นั้นคุณเป็นผู้ที่ซื้อด้วยตัวเองทุกครั้ง Bitcoin สามารถแบ่งออกเป็น 100,000,000 หน่วยที่เรียกว่า sathoshi ในทุกวันนี้ 1 sathoshi มีราคา $0.0005 พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ $1 สามารถซื้อได้ 2,000 sathoshi แม้จะมีกฎหมายในการอสังหาริมทรัพย์เป็นส่วนย่อย
กดอ่านข่าว ทำไม Bitcoin ถึงเป็นตัวเก็บมูลค่าที่ดีกว่าอสังหาริมทรัพย์ ต่อที่ Siam Blockchain