Nasir Hayat Magoon ประธานสมาพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งปากีสถาน (The Federation of Pakistan Chambers of Commerce & Industry – FPCCI) ระบุว่ามูลค่าคริปโตของชาวปากีสถานทุกคนรวมกันมีมากถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงจากเอกสารงานวิจัยของทางสมาพันธ์ ส่งผลให้ประชาชนในประเทศต่างก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการออกนโยบายกำกับดูแลคริปโตให้กับประเทศ ตามตัวอย่างจากรัฐบาลอินเดียที่ได้ดำเนินการออกข้อกำหนดบางประการมาบังคับใช้ภายในประเทศ
ผลวิจัยเผยมูลค่าคริปโตของชาวปากีสถานเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แม้ว่าปัจจุบันยุโรปจะยังครองความได้เปรียบในเรื่องปริมาณการทำธุรกรรมคริปโตอยู่ก็ตาม แต่ทว่ากลุ่มประเทศอาเซียนกลับกำลังขึ้นนำในด้านการยอมรับคริปโตอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากผลวิจัยของทาง Chainalysis เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ได้เผยว่าปริมาณการทำธุรกรรมในแถบเอเชียกลางและใต้ และกลุ่มประเทศโอเชียเนียเพิ่มขึ้นมากกว่า 706% ในระหว่างเดือนกรกฎาคม ปี 2020 จนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2021 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราการยอมรับคริปโตเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศปากีสถาน อ้างอิงจากข้อมูลดัชนีการยอมรับคริปโตทั่วโลกในปี 2021 จาก Chainalysis ได้จัดให้ปากีสถานมีค่าดัชนีสูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 รองลงมาจากเวียดนาม และ อินเดีย
ศาลสูงสั่งให้รัฐบาลออกนโยบายคริปโตภายใน 3 เดือน
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2021 ตุลาการชั้นสูงสุดประจำแคว้นสินธ์แห่งประเทศปากีสถานได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลกลางจัดหาวิธีที่จะนำนโยบายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ โดยศาลสูงในแคว้นสินธ์ (SHC) สั่งให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และ กฎหมาย เข้าร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. แห่งปากีสถาน (SECP) และ ธนาคารกลางเพื่อสร้างกฎหมายรองรับคริปโตให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือนนี้
SECP ได้ดำเนินการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับคริปโตมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2020 นอกจากนั้นแล้ว Reza Baqir ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งประเทศปากีสถานได้ออกมาเผยว่า ทางธนาคารกำลังศึกษา และ วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ CBDC อยู่เช่นเดียวกัน