💎 ดูบริษัทต่าง ๆ ที่มีสุขภาพทางการเงินที่ดีที่สุดในตลาดปัจจุบันเริ่มต้นเลย

รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด crypto ไปแล้วกว่า 4.65 หมื่นล้านบาทในปี 2564 เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 8 เท่า

เผยแพร่ 21/12/2564 20:56
รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด crypto ไปแล้วกว่า 4.65 หมื่นล้านบาทในปี 2564 เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 8 เท่า
DX
-

เป็นเวลานานหลายปีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด cryptocurrency จากอาชญากรรมไซเบอร์ การฟอกเงิน และการดำเนินธุรกรรมแบบผิดกฎหมาย โดยได้ทำการดูแลจัดเก็บและขายโทเคนในคลังไปแล้วจำนวนมหาศาลในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากความพยายามของรัฐบาล ทำให้ต้องขอความช่วยเหลือจากบริษัทเอกชนในการช่วยการถือครอง ที้งนี้ Jarod Koopman ผู้อำนวยการหน่วยอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตของ Internal Revenue Service ยังขอความร่วมมือจากเอกชนในการเข้าจับกุมสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผิดกฎหมายมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ โดยได้เผยว่าในปี 2019 ได้ยึดคริปโตมูลค่ากว่า 700,000 ดอลลาร์ ในปี 2020 มีมูลค่าที่ถูกยึดสูงกว่า 137 ล้านดอลลาร์ และในปี 2021 มีมูลค่าที่ถูกยึดถึง 1.2 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นข้อมูลในเดือนสิงหาคมเท่านั้น รัฐบาลได้ยึดครอง cryptocurrency จำนวนมากในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงกี่ปีที่ผ่านมา แต่ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญยังคาดว่าว่าอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า US Marshals Service ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบการประมูลสินทรัพย์ cryptocurrency ของรัฐบาลโดยได้ยึด Bitcoin มากกว่า 185,000 BTC ซึ่งคาดว่ามีมูลค่าประมาณ 8.6 พันล้านดอลลาร์ โดยรายได้จากการประมูลสินทรัพย์จะถูกนำไปใว้ในกองทุน Treasury Forfeiture Fund หรือกองทุนการริบทรัพย์สินของกระทรวงยุติธรรมเพื่อสนับสนุนโครงการอื่น ๆ หรือสิ่งอื่นตามแผนงบประมาณ โฆษกของกระทรวงยุติธรรมกล่าวกับ CNBC ว่าเขา “ค่อนข้างมั่นใจ” ว่าไม่มีฐานข้อมูลกลางของการจับกุม cryptocurrency โดย Jud Welle อดีตอัยการอาชญากรรมไซเบอร์ของรัฐบาลกลางกล่าวว่า “จากประสบการณ์ของผม คนที่มีตำแหน่งในรัฐบาลระดับสูง พวกเขาอาจจะอยู่ที่นั่นในช่วงเวลาสั้น ๆ และพวกเขาต้องการที่จะดึงดูดความสนใจของนักข่าวให้มาสนใจในเรื่องนี้ระหว่างที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่เท่านั้น” สิ่งที่ทราบคือรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ บล็อกเชนเพื่อตรวจสอบธุรกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมที่ถูกทำเครื่องหมายว่าน่าสงสัยโดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา (OFAC) อย่างไรก็ตามความสนใจในตลาดสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้ลดลงและดูเหมือนจะไม่จางลงในเร็ว ๆ นี้ โดยมูลค่าตลาดคริปโตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 175.6% ในปีที่แล้ว จาก 7.76 แสนล้านดอลลาร์เป็น 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ธันวาคม 2564

กดอ่านข่าว รัฐบาลสหรัฐฯ ยึด crypto ไปแล้วกว่า 4.65 หมื่นล้านบาทในปี 2564 เพิ่มขึ้นกว่าเดิม 8 เท่า ต่อที่ Siam Blockchain

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย