William Burns ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางแห่งสหรัฐ (CIA) ได้ออกมาตอบคำถามถึงประเด็นคริปโตภายในงาน Wall Street Journal CEO Council Summit เมื่อวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมาระบุว่าปัจจุบัน CIA เริ่มนำคริปโตมาใช้ในองค์กรมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยในปัจจุบันทางหน่วยงานกำลังเตรียมเสริมสร้างความรู้ และ ความเชี่ยวชาญในด้านสกุลเงินดิจิทัล และ Blockchain ให้กับทีมนักวิคราะห์ข้อมูลของหน่วยงานข่าวกรอง ซึ่งจากการโจมตีของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ หรือ Ransomware ที่เขาเคยได้เห็นมานั้นบ่งชี้ว่าทางองค์กรกำลังเจอเข้ากับความท้าทายครั้งใหม่จากอุตสาหกรรมคริปโตที่อาจส่งผลกระทบครั้งใหญ่ให้กับประเทศสหรัฐอเมริกาได้
อดีตผู้อำนวยการ CIA เริ่มนำคริปโตมาใช้ในโปรเจกต์ต่าง ๆ เป็นรายแรก
ผู้อำนวยการ Burns เผย
“David Cohen ผู้อำนวยการ CIA คนก่อนหน้าผมเป็นผู้ริเริ่มโปรเจกต์นี้ขึ้นมา พวกเขาได้เริ่มจัดเตรียมโปรเจกต์จำนวนมากเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลไปเป็นที่เรียบร้อย และในขณะนี้ก็กำลังพยายามรอดูผลลัพธ์ในลำดับต่อ ๆ ไปเช่นเดียวกัน นอกจากนี้การได้ช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในส่วนอื่น ๆ ก็เพื่อจัดหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ให้กับองค์กร”
ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองยังยอมรับว่าการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับคริปโตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับองค์กร CIA และ เขาได้วางแผนที่จะอุทิศทรัพยากร และ ความสนใจทั้งหมดที่มีในการศึกษาคริปโตมากขึ้น แต่ทว่าผู้อำนวยการ CIA กลับไม่ได้มีการกล่าวถึงทิศทางที่ชัดเจนของแผนการที่ทางหน่วยงานได้วางแผนเตรียมรับมือกับการโจมตีบนโลกไซเบอร์ ซึ่งสัญญาณทั้งหมดก่อนหน้านี้ได้บ่งชี้ว่าเหล่าอาชญากรอาจพุ่งเป้าไปที่เครือข่ายทางการเงินเพื่อนำมาใช้ในการเรียกค่าไถ่
CIA เชื่อ Blockchain คือเครื่องมือต่อสู้กับอาชญากรชั้นดี
Burns เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสำรักข่าวกรองกลางแห่งสหรัฐในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ในระหว่างนั้นเขาได้พบกับเหตุการณ์ที่แฮ็กเกอร์ได้เข้าโจมตีระบบ Colonial Pipeline และ ออกมาเรียกไถ่เป็นคริปโตมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคม นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังได้รับหน้าที่จากทางรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้กู้คืนเงินส่วนใหญ่ที่ได้ถูกขโมยไปกลับคืนมา
Michael Morrell อดีตผู้อำนวยการแห่ง CIA นับตั้งแต่ปี 2012 จนถึง 2013 กล่าวว่า
“การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยการใช้ Blockchain นับว่าเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการต่อสู้กับอาชญากรรม และ เก็บรวบรวมข่าวต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างมากอีกด้วย”