Rafael Tatito Hernandez สภาผู้แทนราษฎรแห่งเปอร์โตริโกได้ออกมาประกาศถึงการประชุมร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติที่ได้มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยี Blockchain ให้เข้าร่วมปรึกษาหารือในเดือนนี้ เพื่อมองหาแนวทางการใช้ Blockchain ต้านคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นหลังพบว่านายกเทศมนตรีของประเทศรับสินบนมูลค่ามากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
เปอร์โตริโกไม่ได้เป็นเพียงประเทศเดียวที่กำลังมองหาแนวทางการป้องกันคอร์รัปชันจากเทคโนโลยีอย่าง Blockchain และ สกุลเงินดิจิทัล โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศเดนมาร์กได้ออกมาเผยความเป็นไปได้ในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ต่อสู้กับการคอร์รัปชันที่เกิดขึ้นในกับฝ่ายบริหาร และ การเมืองของประเทศเช่นเดียวกัน นอกจากนี้สำนักงานต่อต้านยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (The United Nations’ drugs and crime agency) ยังได้ออกมาแนะนำให้ประเทศเคนยาใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการป้องกันการเกิดคอร์รัปชันในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020
การใช้ Blockchain ต้านคอร์รัปชันจะช่วยให้รัฐบาลมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น
รัฐบาลเปอร์โตริโกมองว่าการนำเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract มาใช้นั้นมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใส และ เพิ่มความน่าเชื่อถือที่มากขึ้นให้กับภาครัฐ โดยทางสำนักข่าวต่างประเทศรายใหญ่ได้ออกมาเผยว่า Hernandez ได้ออกมากล่าวผ่านการประชุมของสมาคมการค้าแห่งโปโตริโก หรือ Puerto Rico Blockchain Trade Association (PRBTA) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า
“รัฐบาลกำลังประสบกับปัญหาด้านความน่าเชื่อถืออย่างแท้จริง และ เทคโนโลยีนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้”
นอกจากนี้เขายังได้กล่าวเสริมว่าทางรัฐบาลกำลังพยายามพัฒนาให้เปอร์โตริโกกลายเป็นศูนย์กลางการนำนวัตกรรมใหม่อย่าง คริปโต และ Blockchain มาใช้อีกด้วย ซึ่งตามการแถลงการณ์ของทางรัฐบาลระบุว่าเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นนี้อาจเป็นหนทางในการทำลายล้างรัฐบาลระบอบเดิมเพื่อก่อให้เกิดการฟื้นฟูของเศรษฐกิจประเทศครั้งใหม่ได้
รัสเซียมองว่า Blockchain และ คริปโตยังไม่ปลอดภัยมากพอ
ในทางกลับกันสหพันธรัฐรัสเซีย และ ประเทศอื่น ๆ ที่ได้สั่งห้ามไม่ให้หน่วยงาน หรือ เจ้าหน้าที่รัฐถือครองคริปโต โดยทางรัฐบาลของประเทศเหล่านั้นได้ออกมาอ้างถึงความกังวลในการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้อาจก่อให้เกิดคอร์รัปชันแทน
Maria Agranovskaya ทนายความ และ ผู้เชี่ยชาญด้าน Fintech แห่งสภาดูมา ออกมาแย้งถึงประเด็นดังกล่าวว่า รัสเซียควรหันมาใช้คริปโตเพื่อลดอัตราการเกิดคอร์รัปชัน เนื่องจากปัจจุบันประเทศดังกล่าวได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เกิดปัญหาการทุจริตบ่อยที่สุดในโลก นอกจากนี้เธอยังได้กล่าวเสริมว่าเงินสดนั้นอาจยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในการก่อเหตุทุจริตมากกว่าเสียอีก เนื่องจากการดำเนินการติดตามเบาะแสการทุจริตจากสินทรัพย์ดังกล่าวนั้นทำได้ยากกว่ามากสกุลเงินดิจิทัล