Hillary Clinton สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกาในปี 2536-2544 ในฐานะภริยาของประธานาธิบดี Bill Clinton ได้กล่าวว่า cryptocurrency เป็นความท้าทายในปัจจุบันและอาจส่งผลต่อความมั่นคงต่อประเทศได้ พร้อมทั้งเตือนว่าการเพิ่มขึ้นของราคา Bitcoin จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจโลก โดยอ้างอิงจากในการอภิปรายที่ Bloomberg New Economy Forum ในสิงคโปร์ เธอเล็งเห็นว่าทุกวันนี้โลกเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ ตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็น การบิดเบือนข้อมูล ปัญญาประดิษฐ์ และสกุลเงินดิจิทัล ตามที่เธอกล่าวสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากตลอดปี 2564 ซึ่งเธอมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นภัยคุกคามต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเนื่องจากความแปลกใหม่ในการสร้างและขุดเหรียญนี้เกิดขึ้นาเพื่อบ่อนทำลายสกุลเงินรวมถึงบทบาทของเงินดอลลาร์นฐานะสกุลเงินสำรอง ทั้งนี้เธอยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่าความไม่มั่นคงภายในประเทศอาจเกิดจากสิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่มากกว่า ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2559 Hillary Clinton กลายเป็นผู้นำในเกือบทุกรัฐในระหว่างการหาเสียง และผู้เชี่ยวชาญบางคนได้คาดการณ์ว่าชัยชนะจะตกเป็นของพรรคเธฮอย่างแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาคะแนนเสียงของเธอได้ลดลงอย่างต่อเนื่องและชัยชนะกลับตกเป็นของ Donald Trump ตัวแทนของพรรครีพับลิกันจนกระทั่งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 45 ของสหรัฐอเมริกา Donald Trump ไม่ชอบ Crypto เช่นกัน เมื่อพูดถึงอดีตผู้นำสหรัฐฯ เป็นที่น่าสังเกตว่าความคิดเห็นของเขาค่อนข้างคล้ายกับที่ Clinton พูด โดยในเดือนมิถุนายนของปีนี้ ทรัมป์เรียก Bitcoin ว่า “สิ่งหลอกลวง” เนื่องจากเขาไม่ชอบที่มันแข่งขันกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินประจำชาติของสหรัฐฯ ที่ควรรักษาไว้ “Bitcoin ดูเหมือนสิ่งหลอกลวง ฉันไม่ชอบเพราะมันเป็นอีกสกุลเงินหนึ่งที่แข่งขันกับดอลลาร์ และฉันต้องการให้ดอลลาร์เป็นสกุลเงินของโลก นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดเสมอ” ไม่กี่เดือนต่อมา เขาได้เพิ่มจุดยืนเชิงลบเป็นสองเท่าโดยกล่าวว่าการลงทุนในคริปโตนั้นอาจเป็นหายนะที่รออยู่ พร้อมแสดงความเห็นอีกครั้งว่า Bitcoin เป็นอันตรายต่อดอลลาร์ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเข้าควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี่ “ฉันคิดว่าพวกเราควรควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี่ด้วยความเข้มงวด และต้องให้ความสำคัญกับเงินดอลลาร์เป็นอันดับแรก”
กดอ่านข่าว Hillary Clinton กล่าวว่า Cryptocurrency สามารถทำลายสเถียรภาพของประเทศทั่วโลกได้ ต่อที่ Siam Blockchain