บั๊กตัวหนึ่งในตัว client เวอร์ชันเก่าของ Ethereum ที่ชื่อว่า Geth ได้ส่งผลทำให้ node ที่รัน client เวอร์ชันเก่าตัวนี้ต้องมีการ fork แยกเครือข่ายออกมา ข้อบกพร่องดังกล่าวส่งผลกระทบต่อไคลเอ็นต์ Geth เวอร์ชันเก่า โดยเฉพาะเวอร์ชัน 1.10.7 และเวอร์ชันก่อนหน้า ซึ่งคิดเป็นเกือบ 75% ของโหนด Ethereum ทั้งหมด และ 73% ของไคลเอ็นต์ Geth ยังคงใช้งานเวอร์ชันเก่าอยู่ ซึ่งหมายความว่าประมาณ 54% ของโหนด Ethereum กำลังทำงานโดยมีข้อบกพร่องด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ความกังวลคือสิ่งนี้อาจนำไปสู่การโจมตีแบบ double spend หรือการที่ผู้ใช้งานทำการจ่ายเหรียญออกไป แต่ธุรกรรมถูกนำไปบันทึกอยู่บน chain อีกตัวหนึ่งที่ถูก fork แยกออกมานั่นเอง Block Research ระบุว่า address ตัวนี้ถูกใช้เพื่อทำการโจมตีดังกล่าว และถูกรับเหรียญผ่าน Tornado Cash นอกจากนี้บั๊กดังกล่าวยังมีโอกาสที่จะส่งผลกระทบต่อ EVM-compatible chain อื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้มันเคยถูกค้นพบบน Binance Smart Chain โดย Address ตัวนี้ และบน Huobi ECO Chain บน address ตัวนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า chain ของ Polygon นั้นไม่มีการเจอข้อบกพร่องดังกล่าว ผลกระทบของการ Fork แม้ว่าโหนดบางส่วนจะแยกออกจากเครือข่าย แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการแตกสาขาขนาดใหญ่ เนื่องจากนักขุดส่วนใหญ่รันตัว Ethereum เวอร์ชันที่อัปเดตล่าสุดแล้ว ซึ่งหมายความว่าเครือข่ายขนาดใหญ่ปัจจุบันกำลังรันตัวดั้งเดิมอยู่ ในส่วนของ node ที่รันตัว Geth เวอร์ชันเก่าอยู่นี้ ทำให้ผู้รันไม่สามารถเข้าถึงเครือข่ายหลักได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้อาจเกิดการเจาะช่องโหว่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้เครือข่ายจะดูนิ่งขึ้นมาแล้ว นาย Martin Swende หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของ Ethereum Foundation ทวีตว่า “บั๊กของ consensus ตัวนี้กระทบ mainnet ในวันนี้
กดอ่านข่าว งานเข้า Ethereum พบบั๊กในตัว Client ทำให้เกิดการ Fork แยกเครือข่ายถึง 50% ต่อที่ Siam Blockchain