ในช่วงนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากระแส Decentralized Finance (DeFi) กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมและอุตสาหกรรมทางการเงิน แม้ว่าตัวเทคโนโลยีจะมีความซับซ้อนและยากที่จะเข้าใจในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม โดย ILia Maksimenka จาก PlasmaFinance ได้เผยว่าการเงินแบบเดิมส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า DeFi มีความเสี่ยงเกินไปและไม่คุ้มกับการแก้ไขปัญหา ที่ผ่านมาหลายบริษัทได้ร่วมลงทุนกับ Andreessen Horowitz ในการเปิดตัวกองทุน cryptocurrency เนื่องจากความต้องการ DeFi ที่เพิ่มขึ้นของ a16z ซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่ากองทุนนี้จะเข้ามาสู่ DeFi ในช่องทางใด แม้แต่ JP Morgan ที่เคยปฎิเสธความเป็นไปได้ของ crypto มาก่อนนั้นก็ได้มาลงทุนในธุรกิจ staking ซึ่งปัจจุบันสร้างรายได้กว่า 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปีและอาจมีมูลค่ามากกว่า 20 พันล้านดอลลาร์ทันทีที่ ETH 2.0 เปิดตัวในปี 2565 และ 40 พันล้านดอลลาร์ในปี 2568 โดยธนาคาร Sygnum นั้นอาจจะไม่ได้เป็นสถาบันทางการเงินแห่งแรกที่ให้บริการ stake ETH 2.0 อีกต่อไป ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่านักลงทุนสถาบันไม่สามารถเพิกเฉยต่อนวัตกรรม DeFi ได้ ซึ่งทำให้มูลค่ารวม 155.7 พันล้านดอลลาร์ได้ Decentralized Finance Exchange (DEX) จะเข้ามามีส่วนรับผิดชอบอย่างมากในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีปริมาณการซื้อขายสูงถึง 815 พันล้านดอลลาร์ โดย DEX ได้มีมีส่วนเป็นผู้ดูแลสภาพคล่องอัตโนมัติ (AMM) โดยละทิ้งระบบการจับคู่การซื้อขายแบบดั้้งเดิมที่ใช้ใน centralized exchanges โดย Uniswap ถือเป็น DEX ที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้แต่ยังคงมีหลายภาคส่วนที่ต้องการเข้ามาแย่งชิงตลาด DeFi ดังกล่าว โดยหากมองที่ผลตอบแทนจาก Centralized Exchanges ที่อยู่ในช่วง 0-2% อย่างมั่นคงในระยะยาวสำหรับภาคการเงินก็ตาม แต่หากเทียบกับ APY ที่สูงมากใน DeFi โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็น DeFi ที่กำลังเกิดใหม่และมีโอกาสจะพบเจอนั้นน้อยมากก็ตาม แต่ดูเหมือนว่านักลงทุนหลายคนก็พร้อมที่จะเสี่ยงไปกับมัน แม้ว่า
กดอ่านข่าว ทำไมนักลงทุนสถาบันถึงไม่สามารถหันหลังให้ DeFi ได้อีกต่อไป ต่อที่ Siam Blockchain