เป็นที่รู้กันดีว่านักลงทุน Bitcoin ส่วนใหญ่นั้นมักจะชอบมองโลกในแง่ดี และมองตลาดว่าเป็นขาขึ้นอยู่บ่อย ๆ แม้ในช่วงการปรับฐานของราคาที่ลงมา 50% ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังคงมองโลกในแง่ดี เหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนมองโลกในแง่ดีอย่างไม่รู้จบและเชื่อมั่นในข้อดีที่ไม่สิ้นสุด อาจเป็นเพราะจำนวน BTC ที่มีจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ และการลดลงของการเกิดใหม่ของอุปทานทุก ๆ 4 ปี อย่างไรก็ตาม แม้แต่โมเดลยอดนิยมอย่าง stock-to-flow (S2F) จากนักวิเคราะห์ Plan B ก็ยังไม่สามารถทำนายได้ว่าตลาดขาขึ้นในปัจจุบันนั้นจบลงหรือยัง ซึ่งนักเทรดส่วนใหญ่นั้นมักจะเชื่อโมเดลเหล่านี้ด้วยใจที่มีความไม่เป็นกลาง และลงเอยด้วยการขาดทุนตอนตลาดขาลงมาถึง ราคา Bitcoin นั้นมักจะได้รับผลกระทบจากหลาย ๆ อย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินอื่น ๆ อย่างเช่นดอลลาร์, ยูโร และเงินหยวน รวมถึงอัตราดอกเบี้ย, ราคาอสังหาฯ, และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ หรือแม้แต่การบูมของเศรษฐกิจ หรือแม้แต่ความคาดหวังในเรื่องของเงินเฟ้อ และอืน ๆ อีกมาก ตัวขับเคลื่อนราคาปัจจุบันของ Bitcoin ไม่ว่าโมเดลทำนายราคาเหล่านั้นจะทำนายราคามากน้อยขนาดไหน แต่การเคลื่อนไหวของราคานั้นเกิดขึ้นจากฝีมือของผู้ซื้อขายในตลาด ณ เวลานั้น ๆ และมักจะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เราคาดหวัง ข้อมูลจาก CryptoQuant แสดงให้เห็นว่ามีเพียง 2.5 ล้าน Bitcoin ที่ถูกฝากไว้บนเว็บเทรดคริปโตในปัจจุบัน หากเทียบกับ 10.7 ล้านที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาตามข้อมูลของ ‘HODL wave’ บ่งบอกว่าผู้ถือเหรียญในระยะยาวนั้นไม่ได้สนใจกับราคาเท่าไร เนื่องจากความแตกต่างระหว่างมูลค่าและราคามีความชัดเจนมากขึ้น สิ่งนี้จึงทำให้ง่ายต่อการเข้าใจว่าทำไมนักลงทุนบางรายจึงคาดหวังว่าเป้าหมายของราคา Bitcoin นั้นอาจไปถึง $100,000 หรือสูงกว่าในช่วงปลายปี 2564 อย่างไรก็ตามเพื่อจะวิเคราะห์มันได้อย่างละเอียดนั้น เราจะต้องลองมาดูคำสั่ง call (ซื้อ) ในตลาด Bitcoin ออปชันเสียก่อน แม้ว่าตัวเลือก call จะมีมากกว่า put ในตอนนี้ แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับสินทรัพย์เกือบทุกประเภทที่มีวันหมดอายุในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ตัวเลือก call ที่มีจุด strike ของราคาที่ $50,000 ควรเป็นตัวเลือกที่มีมากกว่าจุดราคาที่ $200,000
กดอ่านข่าว นักเทรด Bitcoin Options เปิดสัญญาราคา BTC ที่ 100,000 ดอลลาร์ตอนปลายปี สิ่งนี้หมายถึงอะไร ต่อที่ Siam Blockchain