เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาบิทคอยน์กำลังผ่านการปรับฐานที่ยาวนานพร้อมกับ Ethereum ที่กำลังเฟื่องฟู โดยทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่การอัปเกรด Hard Fork “London” ของ Ethereum ซึ่งรายงานจาก NewsBTC ระบุว่ามูลค่าการซื้อขายของ Ethereum พุ่งขึ้นทำระดับ ATH ที่ 4,400 ดอลลาร์ ก่อนจะมีการร่วงลงของตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้ราคาของ Ethereum ร่วงลงไปที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์ นับว่าเป็นการสูญเสียมูลค่ากว่า 57% จากระดับ ATH Simon Dedic แห่ง Moonrock Capital ได้แสดงความคิดเห็นว่ากลุ่มนักเทรดมืออ่อนจะตกหลุมพรางของพวกคนรวย ที่ต้องการเพิ่มอุปสงค์และทำราคาให้สูงขึ้น ด้วยการกดราคาเพื่อให้ตลาดดูมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ขาลง ซึ่งนักลงทุนหน้าใหม่ที่เกิดความกลัวจะรีบเทขายสินทรัพย์ของพวกเขา แล้วเมื่อราคาต่ำลงนักลงทุนก็จะกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง และทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นด้วยอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น ในขณะนี้ตลาดคริปโตเริ่มฟื้นตัวกลับมามีท่าทีที่ดีอีกครั้ง สกุลเงินดิจิทัลทั้งสองเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ และในสถานการณ์แบบนี้ Steven McClurg ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Valkyrie Investments ได้ทำนายว่าตลาดคริปโตกำลังจะมีเซอร์ไพรส์ “Ethereum กำลังถูกฉุดขึ้นจากการอัปเดต ETH 2.0 และการที่ผู้คนนำสินทรัพย์ไป Stake ไว้ในเครือข่าย Proof-of-Stake ซึ่งเป็นการนำอุปทานออกและเป็นการเพิ่มอุปสงค์เข้ามาในระบบ” McClurg กล่าว นอกจากนี้เว็บไซต์ Bitcoinist ยังได้พูดถึงแนวโน้มดังกล่าวว่า “Ethereum ยังคงมีมูลค่าตามราคาตลาดถึง 40% ของบิทคอยน์ และหากเปรียบเทียบ Nodes ที่มีการใช้งานอยู่เปอร์เซ็นต์จะเท่ากันทุกประการ แสดงให้เห็นว่า ETH ได้แซงหน้า BTC ไปแล้วในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่ธุรกรรม, ปริมาณ, ไปจนถึงค่า Gas” ซึ่งชุมชนชาวคริปโตต่างระบุว่ารูปแบบของตลาดในครั้งนี้ดูจะคล้ายกลับรูปแบบในประวัติศาสตร์ที่เคยผ่านมา
กดอ่านข่าว นักวิเคราะห์ชี้ การร่วงลงของราคา Bitcoin ครั้งล่าสุดถือเป็นกับดัก Bear Trap ต่อที่ Siam Blockchain