เมื่อวานนี้ 11 มีนาคม 2564 นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำของประเทศไทย Bitazza ได้ร่วมกับ Lightnet Group ประกาศความร่วมมือเข้าซื้อหุ้น Bitazza มูลค่ากว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อให้ Bitazza เดินหน้าเติบโตธุรกิจได้ การเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้นับเป็นการผนึกความร่วมมือแบบพันธมิตรระหว่าง Bitazaa, Lightnet Group และ Velo Labs เพื่อสร้างระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่ ผ่านการเชื่อมต่อระบบการเงินแบบดั้งเดิมเข้ากับเครือข่ายดิจิทัลระดับโลก ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อผลักดันให้ผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้นโดยเริ่มจากผู้ใช้ในประเทศไทยด้วยการเพิ่มทางเลือกนอกเหนือจากการใช้ SWIFT โดยการมอบเครือข่ายที่มีต้นทุนต่ำใช้งานได้แบบทันทีเกือบเรียลไทม์และสามารถใช้ร่วมกันกับเครือข่ายอื่น ๆ ได้เพื่อมอบบริการด้านการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นให้แก่ผู้ใช้ในประเทศไทย นอกจากนี้ข้อตกลงระหว่างทั้งสามบริษัทจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านความคล่องตัวทางการเงินและความสามารถในการเข้าถึงของผู้ใช้ทั่วเอเชีย ที่จะสร้างระบบนิเวศทางการเงินรูปแบบใหม่ในการโอนระหว่างสกุลเงินทั่วไปและสกุลเงินดิจิทัล ระหว่างสินทรัพย์แบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมทั้งเชื่อมโยงชาวไทยเข้ากับตลาดต่างประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้เป็นการรวมใบอนุญาตประกอบธุรกิจนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัลของ Bitazza (Digital Asset Broker Licenses), ใบอนุญาตเอ็มพีไอ (MPI) ภายใต้กฎหมายเกี่ยวกับบริการการชำระเงิน (Payment Services Act : PSA) ในความดูแลขององค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore : MAS) และใบอนุญาตของสถาบันเงินตราอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Money Institution : EMI) ในสหภาพยุโรป โดยธนาคารแห่งประเทศลิทัวเนีย ของ Lightnet Group Bitazza จะทำหน้าที่เป็นประตูนำพาผู้ใช้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงจากบริการทางการเงินและสินทรัพย์แบบดั้งเดิมไปสู่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการใช้ความรู้ความสามารถในฐานะนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล คุณกวิน พงษ์พันธ์เดชา ประธานกรรมการบริหาร Bitazza กล่าวว่า “เป้าหมายของเราคือการผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นไปอยู่ในระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล เฉกเช่นเดียวกับที่วอลล์สตรีทและซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางด้านการเงินและเทคโนโลยีตามลำดับ” “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบระบบการเงินและผลักดันประเทศไทย รวมไปถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เป็นผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมทางการเงินยุคใหม่นี้ได้” คุณกวินกล่าวเสริม Velo Tokens จะรับหน้าที่เป็นสินทรัพย์เพื่อการเชื่อมต่อตัวสำคัญในระบบนิเวศของการเชื่อมระบบการเงินแบบมีศูนย์กลางจัดการ (CeFi) และระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง (Defi) เข้าด้วยกัน ส่วน BTZ Tokens จะทำหน้าที่เป็นยูทิลิตี้โทเคนหลักสำหรับแพลตฟอร์มเพื่อการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของ Bitazza พร้อมทั้งขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานของระบบ โดยผู้ถือ BTZ Tokens จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ
กดอ่านข่าว Bitazza ประกาศจับมือ Lightnet และ Velo ร่วมพัฒนาระบบนิเวศทางการเงินยุคใหม่เชื่อม Cefi และ Defi ต่อที่ Siam Blockchain