อย่างที่เราทราบกันดีว่า Bitcoin นั้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะต้องมีช่วงเวลาที่ท้าทายความคาดหวังของนักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ถือครองหรือผู้สังเกตการณ์ราคาคริปโตที่ผันผวนจะเป็นแบบทดสอบให้กับคุณ ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในปี 2020 อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ซึ่งผันผวนอย่างรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาคสินค้านำเข้าและส่งออก ปีที่แล้วบางส่วนขาดทุนหนักเนื่องจากความผันผวนของค่าเงินเฟียตที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่ส่งผลเสียต่อภาคการค้า เช่นสกุลเงินเฟียตที่ขึ้นอยู่กับการส่งออกจึงมีค่าเงินลดลง เนื่องจากมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสเช่นการ Lockdown การแทรกแซงของธนาคารกลางก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และธนาคารกลางส่วนใหญ่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงให้ต่ำใกล้กับศูนย์ และยังใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(QE) และบรรเทาผลที่เกิดขึ้นตามมาของ COVID-19 ยุค Bitcoin เฟื่องฟู ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจ สินทรัพย์ Safe Haven เช่น Bitcoin และทองคำดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้น เบื้องหลังที่เพิ่มขึ้นของมูลค่าเหล่านี้คือ ปัจจัยพื้นฐานเช่นการ Halving และการไหลของเงินทุนจากตลาดหุ้น Wallstreet ไปยังสินทรัพย์ที่สามาถเก็บรักษามูลค่าได้ และ Bitcoin ก็มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์สิ่งเหล่านั้น ตามผู้สนับสนุนกล่าวเหรียญ Bitcoin นั้นค่อย ๆ เติบโตอย่างช้า แต่มั่นคง มันเริ่มได้รับการยอมรับจากกระแสหลักมากขึ้นเรื่อย ๆ และมันมีคุณสมบัติหลายอย่างที่ทำให้หลายคนหลงใหลในความสามารถของมัน Bitcoin เป็นเครือข่ายรากฐานสำหรับระบบการเงินยุคถัดไปที่จะเข้ามาแทนที่โครงสร้างพื้นฐานเดิม ๆ จัดลำดับความสำคัญของผู้ใช้ปลายทาง ในขณะเดียวกันก็มั่นใจได้ถึงความน่าเชื่อถือสูงการโอนมูลค่าและการดำเนินการตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน เครือข่ายของ Bitcoin ที่ขับเคลื่อนโดยโหนดที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลกได้รับแรงจูงใจในการดำเนินการยืนยันธุรกรรม ที่ตัดคนกลางออกไปโดยการตรวจสอบแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ธุรกรรมบนเครือข่ายยังเป็นนามแฝงและได้รับการรักษาความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัสอีกด้วย Bitcoin จะกลายเป็นกระแสหลักในปีนี้หรือไม่? เป็นที่ทราบกันดีว่าในปีนี้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาด และใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณแบบไม่จำกัด ซึ่งสิ่งนี้ได้ทำลายความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อธนาคารกลางไปหมดสิ้น การพิมพ์เงินอย่างไม่หยุดยั้งของพวกเขาทำลายความเชื่อมั่นที่มีอยู่ของประชาชน และปัจจุบันมูลค่าของสินทรัพย์ก็ไม่ได้แสดงถึงความไว้วางใจในสกุลเงินที่กำหนดไว้ในตอนแรก ในทางกลับกันความไม่ไว้วางใจกับธนาคารกลางทำให้ Bitcoin เริ่มกลายเป็นกระแสหลัก ด้วยคุณสมบัติเงินฝืดที่ทำให้มันกลายเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก ทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยสามารถจัดเก็บมูลค่าที่พวกเขาหามาได้ด้วยความคาดหวังที่จะได้รับผลกำไรเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เหรียญแต่ละเหรียญยังไม่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของธนาคารกลาง ซึ่งหมายความว่าแม้ว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น แต่ถึงกระนั้นมูลค่าของ Bitcoin แต่ละเหรียญก็จะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะราคาของพวกมันจะขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของผู้ใช้และผู้ถือเท่านั้น ไม่ใช่ผู้กำหนดนโยบายและความต้องการของนักการเมือง
กดอ่านข่าว ปี 2021 จะเป็นปีที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับทั่วโลกหรือไม่ ? ต่อที่ Siam Blockchain