ในวันจันทร์ที่ผ่านมาบริษัท Tesla (NASDAQ:TSLA) ได้รายงานต่อก.ล.ต. สหรัฐฯ ว่าได้ทำการเข้าซื้อ Bitcoin เป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการเข้าซื้อในครั้งนี้ทำให้แนวโน้มราคาขาขึ้นของ Bitcoin กลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังได้มีการวิเคราะห์กันด้วยว่าอาจทำให้แนวทางของบริษัทต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยพวกเขาได้คาดการณ์กันว่าการนำเงินสดจากคลังสำรองบางส่วนไปเก็บมูลค่าไว้ในเหรียญ Bitcoin ของ Tesla นั้นจะเป็นตัวอย่างที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบริษัทจำนวนมาก และทำให้บริษัทต่าง ๆ เริ่มทำการเข้าซื้อ Bitcoin แทนการเก็บเงินสดไว้ในคลังสำรองกันมากขึ้น ซึ่งการเข้าซื้อ Bitcoin ของบริษัท Tesla ในครั้งนี้มีมูลค่าถึง 7.7% ของคลังสำรองบริษัท Tesla ในขณะที่บริษัท Square ที่ให้บริการด้านการชำระเงินมี Bitcoin เพียง 0.2% ของทรัพย์สินทั้งหมด และบริษัทชั้นนำด้านการทำเหมือง Bitcoin “Riot Blockchain” ที่มี Bitcoin เพียง 2.4% ของทรัพย์สินทั้งหมดเท่านั้น นอกจากนี้ยังทำให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นมากว่า 10% ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงและสร้างจุดสูงสุดของราคา Bitcoin ในวันเดียวกัน ทำให้ในปัจจุบัน Bitcoin มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่าบริษัท Tesla แล้ว อย่างไรก็ตามการเอกสารที่ Tesla ได้ยื่นต่อก.ล.ต. นั้นได้ระบุว่าการเข้าซื้อในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมาย “เพื่อทำกำไรและเพื่อให้บริษัทสามารถทำรายได้ได้อย่างกว้างขวาง ไม่ได้เป็นการกระทำเพื่อเก็บมูลค่าไว้ใน Bitcoin แต่อย่างใด” ถึงกระนั้นการที่บริษัทระดับโลกอย่าง Tesla ได้เข้าซื้อ Bitcoin ก็ทำให้ตลาดคริปโตได้รับความสนใจจากนักลงทุน และบริษัททั่วโลกเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และอาจทำให้เกิดการแข่งขันกันระหว่างบริษัททั่วโลกเพื่อซื้อ Bitcoin เพื่อทดแทนเงินสดในคลังสำรองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเงินเฟ้อจากพิมพ์เงินเพิ่มอย่างต่อเนื่อง และผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลที่ต่ำอีกด้วย โดยจากข้อมูลของ RBC Capital Markets เป็นไปได้ว่า Apple (NASDAQ:AAPL) นั้นอาจจะเป็นรายถัดไปที่ได้เข้าลงทุนในตลาด Bitcoin ในรูปแบบเดียวกับบริษัท Tesla ก็เป็นได้ แต่ที่แน่ ๆ กระแสการเข้าซื้อของนักลงทุนสถาบัน และบริษัทได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนการเข้าซื้อ Bitcoin ของบริษัท Tesla แล้ว
กดอ่านข่าว การเข้าซื้อ Bitcoin ของ Tesla อาจเปลี่ยนรูปแบบการเงินระดับบริษัทไปตลอดกาล ต่อที่ Siam Blockchain