ตามการวิเคราะห์โดยนาย Mar Erhardt จากสถาบันวิจัย Chaincode Labs พบว่า 88% ของธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดล้วนจ่ายค่าธรรมเนียมที่แพงเกินความจำเป็น นอกจากนี้ Erhardt ยังว่าพบมีการทำธุรกรรมในรูปแบบ SegWit คิดเป็นเพียงแค่ 12% เท่านั้น Erhardt เชื่อว่าการพึ่งพาค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมแบบเดิมทำให้บล็อก Bitcoin มีขนาดเล็กกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งส่งผลให้การทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับการยืนยันดูเหมือนจะเติบโตเพิ่มขึ้น Bitcoin mempool ที่รอการยืนยันถึง 107 บล็อก ณ จุด ๆ หนึ่งบนเครือข่าย ในช่วงเมื่อวานนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกแล้วว่า คุณสามารถประหยัดเงินค่าธรรมเนียมให้ถูกลงได้ และวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำเช่นนั้นก็คือ การนำ SegWit มาใช้กับธุรกรรมทั้งหมดในอนาคต Erhardt ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนจากธุรกรรมแบบเดิมให้เป็นธุรกรรม SegWit นั้นจะช่วยทำให้ข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดภาระบนเครือข่าย blockchain ให้น้อยลง Erhardt เชื่อว่าการรวม SegWit เข้ากับบริการสร้างกระเป๋าเงิน Wallet หลักนั้นทำให้เครือข่ายทำงานหนักและผลให้ mempool และ blockchain ขยายตัวโดยไม่จำเป็น Erhardt เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการ UTXO สำหรับกระเป๋า Bitcoin Wallet ซึ่งเขาได้ทำงานในฐานะนักพัฒนากระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นเวลาหลายปี ก่อนจะได้รับการว่าจ้างที่สถาบันวิจัย Chaincode Labs ในปี 2020 ปัจจุบันธุรกรรมเครือข่าย SegWit มีสัดส่วนประมาณ 51% ของธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมด สถิตินี้ถือว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นไปอีก เนื่องจากผู้ให้บริการกระเป๋าเงินเอกชนจะต้องเผชิญกับความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นสำหรับการรองรับ SegWit Address ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำโดยประมาณสำหรับการรวมในบล็อกถัดไป ปัจจุบันอยู่ที่149 sat / byte หรือคิดเป็นค่าธรรมเนียมเท่ากับ $ 14.97 ที่ราคา $ 44,870 ต่อ BTC การใช้ SegWit ช่วยประหยัดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมได้อย่างไร แม้ว่าธุรกรรม SegWit ในทางเทคนิคจะไม่ได้มีขนาดเล็กไปกว่าธุรกรรมเดิม แต่ส่วนประกอบของข้อมูลจะมีน้ำหนักที่ลดน้อยลงเมื่อถูกรวมไว้ในบล็อก ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับพยานในการทำธุรกรรมถือว่าไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับเครือข่าย ดังนั้นจึงมีนำการลบข้อมูลเหล่านี้ออกไปก่อนที่จะถูกรวมไว้ในบล็อก ทำให้ธุรกรรม
กดอ่านข่าว ข้อมูลเผย 88% ของธุรกรรม Bitcoin มักมีการจ่ายค่าธรรมเนียมที่มากเกินไปเสมอ ต่อที่ Siam Blockchain