BeInCrypto - ในที่สุดทองคำก็อาจพิสูจน์ว่าเป็น Safe Haven และเตรียมพร้อมที่จะทะลุแนวต้านที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ และลบคำสบประมาท ว่าเป็น “Boomer Rock” ในปี 2023
อ้างอิงจาก Mike McGlone นักยุทธศาสตร์ด้านมาโครจาก Bloomberg Intelligence เขาเชื่อว่าในขณะที่สภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจมหภาคแย่ลง นักลงทุนก็จะกลับมาหาทองคำอีกครั้งเพื่อเป็นที่หลบภัย ควบคู่ไปกับ US Treasuries และ Bitcoin
ทองคำกำลังกลับมา
จากรายงาน Bloomberg Terminal ของ McGlone นักวิเคราะห์อ้างว่าวิกฤตธนาคารโลกและปรากฏการณ์ของสินค้าโภคภัณฑ์ฝืด อาจช่วยหนุนทิศทางขาขึ้นของทองคำที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2001
“คนรุ่นเบบี้บูมเมอร์ทำได้ดีในตลาดหุ้น แต่กำลังหาทางเลือกที่แข็งแกร่งในพันธบัตรของสหรัฐฯ ทองคำ และ Bitcoin” เขาเขียนบน LinkedIn
ทั้งทองคำและ Bitcoin พุ่งขึ้นหลังจาก Federal Reserve สัญญาว่าจะประกันเงินผู้ฝากเงินของ Silicon Valey Bank (SVB) เมื่อต้นเดือนนี้ ทำให้ทองคำดีดตัวทดสอบที่ระดับ 2,000 ดอลลาร์ในวันที่ 17 มีนาคมและ 24 มีนาคม ซึ่งเป็นระดับแนวต้านตั้งแต่ปี 2020
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น Bitcoin ทะยานขึ้นจากระดับต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม 2020 สู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 69,000 ดอลลาร์ในปี 2021 กระตุ้นให้นักลงทุนรายใหญ่มองว่าเป็นสินทรัพย์ที่เหนือกว่า ทั้ง 2 มักถูกเปรียบเทียบกันด้วยคุณลักษณะของ “เงินที่ดี” กล่าวคือ ทั้งคู่มีอุปทานคงที่และในทางทฤษฎีสามารถทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันอัตราเงินเฟ้อได้
ไม่ใช่ Safe Haven จากเงินเฟ้อ แต่เป็นระบบการเงิน
แต่ทั้ง 2 สินทรัพย์ ไม่ได้ทำหน้าที่ดังกล่าวในทางเทคนิค เนื่องจากสินทรัพย์ทั้ง 2 ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปีท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม วิกฤตการธนาคารซึ่งได้อัดฉีดสภาพคล่องใหม่จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อาจทำให้ทั้ง 2 สินทรัพย์เริ่มแสดงบทบาทในการเป็นสินทรัพย์หลบภัยมากขึ้น
“นี่คือกรณีศึกษา ซึ่งเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่รุนแรง” McGlone เขียน “การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐที่ 25bps ในวันที่ 22 มีนาคม แม้จะมีผลกระทบจากภาวะเงินฝืดจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และที่อยู่อาศัยที่ลดลง และธนาคารล้มเนื่องจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้ทำให้นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี 1929”