BeInCrypto - Bloomberg รายงานเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2023 ว่าสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Moody’s Corporation อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบการให้คะแนนสำหรับเหรียญ Stablecoin มากถึง 20 สกุลเพื่อประเมินคุณภาพทุนสำรองของแต่ละผู้ออกเหรียญ
Bloomberg อ้างถึงแหล่งข่าวที่คุ้นเคยกับหัวข้อดังกล่าว โดยรายงานว่าระบบการให้คะแนนยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและจะไม่แสดงการจัดอันดับเครดิตอย่างเป็นทางการ (Official Credit Rating)
Stablecoin เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโต โดยปกติแล้ว มูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าวจะอิงกับสกุลเงินประจำชาติ เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เช่น ทองคำ เป็นต้น จากชื่อของโทเค็นดังกล่าวทำให้เกิดข้อสันนิษฐานว่า Stablecoin จะมีความผันผวนน้อยกว่าสกุลเงินดิจิทัลประเภทอื่น ๆ
Moody’s ไม่ได้ให้ความเห็นใด ๆ เพิ่มเติมกับ BeinCrypto ณ เวลาที่เขียนบทความต้นฉบับ
ความจำเป็นของ Stablecoin สำหรับการมีทุนสำรองและการกำกับดูแลที่มีคุณภาพ
หลังจากการล่มสลายของ TerraUSD ซึ่งเป็นเหรียญ Stablecoin ที่ใช้อัลกอริทึมควบคุมมูลค่าของ Terra ในปี 2022 ผู้ออก Stablecoin กลายเป็นประเด็นอีกครั้งหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินหันมาเพ่งเล็งปริมาณของทุนสำรองของผู้ออก Stablecoin
งานวิจัยของ International Monetary Fund ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของทุนสำรองสำหรับ Stablecoin ที่มีคุณภาพและมีสภาพคล่องสูง ข้อมูลจากรายงานเผยว่า Stablecoin ที่มีทุนสำรองที่มีคุณภาพมีศักยภาพที่จะกลายเป็นแหล่งที่มาของมูลค่าที่มั่นคง สินทรัพย์เหล่านี้มีศักยภาพในการ “กลายเป็นเครื่องมือสำหรับการแลกเปลี่ยนที่น่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง”
นอกจากนั้น หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินในสหรัฐอเมริกาได้เน้นย้ำถึงอันตรายของ Stablecoin ที่ไม่ได้รับการควบคุม กล่าวคือ ) Martin Gruenberg ผู้ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานของ Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC แนะนำว่าผู้ออก Stablecoin ควรอยู่ภายใต้มาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด
ทัศนะของ Gruenberg ได้รับการยืนยันโดย IMF ซึ่งระบุว่า “ผู้ออก Stablecoin ควรอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่รอบคอบอย่างเข้มงวด”
ในขณะเดียวกัน เหรียญ Stablecoin ที่มีอิทธิพลที่สุดในอุตสาหกรรมอย่าง Tether USDT ต้องเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากชุมชนคริปโตและหน่วยงานกำกับดูแลว่าด้วยความไม่โปร่งใสประเด็นการใช้ทุนสำรอง นอกจากนี้ ในปี 2021 ผู้ออก Stablecoin ได้ตกลงกับสำนักงานอัยการสูงสุดของนิวยอร์กในประเด็นการแจ้งเงินสำรองที่ไม่ถูกต้อง ทางบริษัทยังประสบความยากลำบากทางการเงินเนื่องจากการล่มสลายของ Terra ซึ่งได้ดำเนินการถอนเงินประมาณ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงก่อนหน้า
การหันมาใช้งาน Stablecoin เพิ่มขึ้น
แม้จะมีการวิพากษ์วิจารณ์สินทรัพย์ประเภทนี้มากยิ่งขึ้น แต่อัตราการใช้งานคริปโตเพิ่มขึ้นทั่วโลกเช่นกัน BeinCrypto รายงานว่า Tether ประมวลผลธุรกรรมที่ใช้คริปโตเคอเรนซีอยู่ที่มูลค่า 18.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2022 ซึ่งแซงหน้าผู้ให้บริการการชำระเงินดั้งเดิมอย่าง Visa และ Mastercard
รายงานจากสื่อหลายฉบับยังเปิดเผยด้วยว่าพลเมืองในประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจต้องพึ่งพาทรัพย์สินคริปโตเพื่อการออมและการทำธุรกรรม