โดย Ambar Warrick
Investing.com-- ราคาน้ำมันขยับเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนในวันพฤหัสบดี หลังจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานของรัสเซียลดลงและแนวโน้มเศรษฐกิจที่แย่ลงในสัปดาห์นี้ ถึงแม้ว่าค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากสัญญาณผ่อนคลายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ จะช่วยลดแรงกดดันในการขายได้บ้าง
ตลาดน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อวันพุธหลังจากกลุ่มประเทศทั้งเจ็ดหรือ G7 กำหนดราคาสูงกว่าที่คาดไว้มากต่อการขายน้ำมันของรัสเซีย การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เห็นว่าเทรดเดอร์ได้ลดความคาดหวังลงว่ามาตรการกำหนดราคาจะทำให้มอสโกต้องลดการผลิตน้ำมันลงอย่างมาก เพื่อหลีกเลี่ยงการขายที่ขาดทุน
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากสหรัฐฯ ประกอบกับอัตราการติดเชื้อโควิด19 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ในจีน ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบแย่ลง ข้อมูลเบื้องต้นเปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (ดัชนี PMI รวมจาก S&P Global ของสหรัฐฯ) หดตัวลงอีกในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากเศรษฐกิจเผชิญกับแรงต้านจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่สูง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ทรงตัวที่ 85.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ทรงตัวที่ 77.94 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเวลา 21:43 น. ET (02:43 GMT) สัญญาทั้งสองฉบับร่วงลงมากกว่า 4% ในวันพุธ และร่วงลงที่ระดับที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน
ปริมาณการซื้อขายที่ต่ำเนื่องในวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกาในสัปดาห์นี้ ยังกระตุ้นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาดน้ำมันดิบ
แต่สัญญาณผ่อนคลายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่กดดันค่าเงินดอลลาร์ ช่วยให้ตลาดน้ำมันทรงตัวหลังจากขาดทุนอย่างหนัก สมาชิกของธนาคารกลางแสดงการสนับสนุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ช้าลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ รายงานผลบันทึกการประชุม ของเฟดในเดือนพฤศจิกายนได้แสดงให้เห็น
ค่าเงิน ดอลลาร์ ร่วงลง 1% ในวันพุธหลังจากการเปิดเผยของบันทึกการประชุม ซึ่งช่วยลดแรงกดดันด้านราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีการกำหนดราคาเป็นดอลลาร์ ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นว่าค่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลงยังส่งผลดีต่อตลาดน้ำมันดิบ เพราะหนุนอุปสงค์จากประเทศที่ต้องซื้อน้ำมันดิบเป็นค่าเงินดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดด้านอุปสงค์สำหรับน้ำมันดูเหมือนจะอ่อนตัวลง เพราะนอกจากข้อมูลกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแอแล้ว สินค้าคงคลังน้ำมันเบนซิน ที่ตัวบ่งชี้ที่สำคัญของความต้องการเชื้อเพลิงที่ปั๊มน้ำมันได้เเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โดยทั่ว ๆ ไปแล้ว สินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ยังหดตัว ด้วยส่วนต่างที่มากกว่าที่คาดไว้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่ารัฐบาลจะดึงน้ำมันประมาณ 2 ล้านบาร์เรลจากคลังปริมาณสำรองปิโตรเลียมเชิงยุทธศาสตร์ (SPR) มาใช้ แต่ฝ่ายบริหารของไบเดนก็ดูเหมือนจะลดการเบิกถอนจากคลัง SPR ซึ่งอยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 1984
จุดสนใจตอนนี้หันไปที่การประชุมขององค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมันในเดือนหน้าเพื่อดูว่ากลุ่มพันธมิตรจะประกาศลดอุปทานเพิ่มเติมเพื่อช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบหรือไม่