โดย Ambar Warrick
Investing.com - ราคาน้ำมันปรับตัวลงจากระดับที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้ในวันอังคาร โดยสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI อยู่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่กำลังจะถูกเปิดเผยและจะถูกวิเคราะห์เพื่อหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงิน
ในเวลา 20.02 ET (00.02 GMT) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.5% เป็น 90.34 ดอลลาร์ ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วง 0.2% แตะ 96.27 ดอลลาร์
แต่ในวันจันทร์สัญญาทั้งสองฉบับได้มีการปรับเพิ่มขึ้นมากถึง 3% ตลาดน้ำมันจะมีการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากมีสัญญาณจากจีนถึงอุปสงค์น้ำมันดิบที่ยังคงมีความยืดหยุ่นในผู้นำเข้ารายใหญ่
ข้อมูลเมื่อต้นสัปดาห์นี้แสดงให้เห็นว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของจีน ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเดือนกรกฎาคมจากระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน เนื่องจากหลายพื้นที่ของประเทศเริ่มยกเลิกการล็อกดาวน์จากโควิด
ปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วคือ ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ของจีนที่ลดลงที่สาเหตุมาจากข้อมูลโรงงานที่ซบเซา
โดยยังมีภาวะถดถอยทั่วโลกที่อาจเกิดขึ้นซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย ยูเครนและการระบาดใหญ่ของโควิด19 ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบในปีนี้
ความสนใจของนักลงทุนจะอยู่ที่ ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ซึ่งจะครบกำหนดรายงานในวันพุธนี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นตัวกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ เฟด จะปรับขึ้นในเดือนหน้า
เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับระดับลงจากระดับสูงสุดในปีนี้ และยังเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักที่ผลักดันให้เกิด CPI โดยมีการคาดการณ์ว่ารายงานเงินเฟ้อที่จะเปิดเผยในวันพุธนี้จะต่ำลงจากระดับในเดือนก่อนหน้า โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 8.7% ในเดือนกรกฎาคม ลดลงจาก 9.1% ในเดือนก่อนหน้า
เฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยสี่ครั้งในปีนี้และส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นอีก ธนาคารกลางได้ระบุแนวทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยอิงจากข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่าขนาดของอัตราดอกเบี้ยที่จะปรับเพิ่มครั้งต่อไปจะขึ้นอยู่กับตัวเลขการอ่านค่า CPI ของเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมเป็นส่วนใหญ่
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ และมีแนวโน้มว่าจะทำให้อุปสงค์น้ำมันชะลอตัวลง โดยสหรัฐอเมริกามีการ การหดตัวทางเศรษฐกิจ ต่อเนื่องกันทั้งสองไตรมาส ซึ่งทำให้ตลาดเชื่อว่าประเทศอยู่ในภาวะถดถอยแล้ว