โดย Zhang Mengying
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นเช้าวันพฤหัสบดีในตลาดเอเชีย เนื่องจากความกังวลด้านอุปทาน ที่ทำให้ร่วงลงในสองช่วงก่อนหน้านี้
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.51% เป็น 101.20 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 01:05 น. ET (5:05 น. GMT) และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้น 0.56% เป็น 99.11 ดอลลาร์ เกณฑ์มาตรฐานทั้งสองปิดตัวในวันพุธที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 เมษายน การลดลงตามการลดลงอย่างมากในวันอังคารแม้ว่าอุปทานทั่วโลกตึงตัว
“ราคาน้ำมันกำลังถูกทำให้ต่ำลงด้วยข้อมูลใหม่เพียงเล็กน้อยที่เกี่ยวกับการผลิตหรือการบริโภค” สตีเฟ่น อินเนส หุ้นส่วนผู้จัดการของ SPI Asset Management กล่าว
“ถึงกระนั้น นักลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์กลายเป็นไม่อยากรับความเสี่ยง เนื่องจากความต้องการเข้าสู่ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้นและความกังวลต่อการปรับนโยบายการเงินจากเฟดก็ยังมีอยู่ ซึ่งภาวะถดถอยดูเหมือนจะเป็นความเสี่ยงที่วนเวียนอยู่ใกล้ ๆ กับอารมณ์การเทรดของตลาด”
ราคาน้ำมันร่วงลงควบคู่ไปกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ เช่น โลหะและน้ำมันปาล์ม เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดภาวะถดถอยที่อาจส่งผลกระทบต่อความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์
“ดูเหมือนว่าตลาดจะเชื่อมากขึ้นว่าจะเกิดภาวะถดถอย” วอร์เรน แพตเทอสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยสินค้าโภคภัณฑ์ของ ING กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ส
สำหรับด้านอุปทาน นักลงทุนกำลังประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันจากท่อส่งก๊าซของ Caspian Pipeline Consortium (CPC) ซึ่งได้รับคำสั่งจากศาลรัสเซียให้ระงับการดำเนินการเป็นเวลา 30 วัน โดยท่อนี้ส่งออกประมาณ 1% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลกซึ่งยังคงดำเนินงานส่งก๊าซในเช้าวันพุธ
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจาก สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ แสดงให้เห็นว่ามีการเบิกถอนที่ 3.825 ล้านบาร์เรล
ขณะนี้นักลงทุนรอข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จาก EIA ซึ่งจะเผยแพร่ในช่วงท้ายของวัน