By Barani Krishnan
Investing.com -- ราคาทองคำแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือนเหนือ 1,975 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันพฤหัสบดี แต่การปรับตัวขึ้นอาจแตะเพดานเช่นกัน เนื่องจากการตอบโต้ของตะวันตกต่อการรุกรานยูเครนของรัสเซียดูเหมือนจะมีความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งทองให้ทะยานขึ้น
สัญญาซื้อขายทองคำ ปรับตัวขึ้น 15.90 ดอลลาร์หรือ 0.8% ที่ 1,926.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในเดือนมกราคม 2564 ที่ 1,976.20 ดอลลาร์
แต่ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ ทองคำได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 18 ดอลลาร์ในวันเดียวกันหรือเกือบ 1% ให้อยู่ที่ประมาณ 1,892 ดอลลาร์
ทองคำร่วงลงเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อ พันธบัตรอายุ 10 ปีเปลี่ยนจากระดับต่ำสุด 1.846% ของวันเป็น 1.975% โดยนักลงทุนต้องการกลับเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง
ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ของวอลล์สตรีทก็กลับมาเป็นบวกจากการขาดทุน 2% ในช่วงต้นของวันเช่นกัน
ด้วยความเสี่ยงที่พลิกกลับได้ทำให้ความเชื่อมั่นว่าทองจะแตะ 1,900 ดอลลาร์ในสัปดาห์นี้นั้นลดลงไป
“หลังจากที่พันธบัตรอายุ 10 ปี เริ่มปรับตัวขึ้นและหุ้นก็เช่นกัน ทองคำสูญเสียความน่าสนใจบางส่วนที่มีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา” ฟิลลิป สไตรเบิ้ล นักยุทธศาสตร์ด้านโลหะมีค่าของบริษัท Blue Line Futures ของชิคาโกกล่าว
ในการคว่ำบาตรมอสโกครั้งใหม่ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้จำกัดการเข้าถึงระหว่างประเทศสำหรับธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย 5 แห่งรวมถึงธนาคาร VTB; ได้หยุดการทำธุรกรรมทางทรัพย์สินของรัสเซียในอเมริกา และลดความสามารถของรัสเซียในการนำเข้าเทคโนโลยีหลักที่จำเป็นสำหรับการเพิ่มกำลังทางการทหารและอุตสาหกรรม
ราคาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจากการรวมกันของภาวะเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ และความกลัวเกี่ยวกับผลกระทบของสหรัฐฯ และการคว่ำบาตรต่อรัสเซียจากประเทศต่าง ๆ ในทวีปตะวันตกอีก
ด้านอัตราเงินฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ขยายตัว 7.0% ในปีถึงธันวาคม สูงสุดนับตั้งแต่ปี 1982
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 5.7% ในปี 2021 เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984 จากการหดตัว 3.5% ในปี 2020 อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัส
ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือเกือบเป็นศูนย์ หลังเกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่าในเดือนมีนาคม 2020 และเป็นที่คาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นหลายครั้งในปีนี้เพื่อตอบโต้ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น