โดย Gina Lee
Investing.com – ราคาน้ำมันปรับตัวลงในเช้าวันนี้ หลังจากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความต้องการเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ราคายังคงอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากความกังวลด้านอุปทานยังคงมีอยู่ควบคู่ไปกับเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ เพิ่มขึ้น 0.34% เป็น 76.23 ดอลลาร์ เมื่อเวลา 12:43 น. ET (4:43 น. GMT) หลังจากดีดขึ้น 1.8% ในช่วงก่อนหน้า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ลดลง 0.45% มาอยู่ที่ 74.91 ดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 1.6% ในวันอังคาร
มีรายงานว่าการนำเข้าน้ำมันดิบในประเทศจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ลดลง 3% ตั้งแต่มกราคมถึงมิถุนายนปีนี้ การขาดแคลนโควตานำเข้า การบำรุงรักษาโรงกลั่น และราคาทั่วโลกที่สูงขึ้นส่งผลให้มีการจัดซื้อลดลง ทำให้การนำเข้าหดตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013
“การนำเข้าถูกลดขนาดลงเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้นทำให้อัตรากำไรของโรงกลั่นลดลง หากกลุ่ม OPEC+ ไม่ตกลงเพิ่มอุปทานในเร็ว ๆ นี้ ราคาน้ำมันที่สูงก็จะนำไปสู่การทำลายอุปสงค์ในตลาดเกิดใหม่ที่มีความอ่อนไหวต่อต้นทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในอินเดีย” นักวิเคราะห์จาก Eurasia Group กล่าว โดยอ้างถึงความขัดแย้งอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับนโยบายด้านอุปทานภายในกลุ่ม OPEC+ ซึ่งได้ปล่อยให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมและยังไม่มีกำหนดการประชุมหลังจากการเจรจาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาไร้ผล
ในขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศกล่าวว่า การลดลงของน้ำมันคงคลังทั่วโลกในไตรมาสที่สาม คาดว่าจะสูงที่สุดในรอบทศวรรษ อันเป็นผลจากการดึงน้ำมันออกมาใช้ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนในยุโรป สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร พบว่ามีการลดลง 4.079 ล้านบาร์เรลสำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 ก.ค. ซึ่งน้อยกว่าตัวเลข 4.333 ล้านบาร์เรลจากการคาดการณ์โดย Investing.com และตัวเลข 7.983 ล้านบาร์เรลที่บันทึกไว้ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า
ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอ ข้อมูลอุปทานน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐอเมริกา ที่จะเผยแพร่ภายในวันนี้