รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ภาพรวมตลาดพลังงานและโลหะมีค่าประจำสัปดาห์นี้

เผยแพร่ 30/05/2564 17:50
© Reuters.

โดย Barani Krishnan

Investing.com -- ทองคำกับเป้า $3,750...เป็นไปได้หรือไม่?

ในขณะที่ตัวราคาทองคำเองยังไม่แน่ใจว่าจะสามารถวิ่งขึ้นไปถึง $2,000 ได้หรือไม่ แต่การวิเคราะห์ของตลาดลงทุนนั้นไปไกลกว่า $2,000 แล้ว หากมองในมุมกลับ การที่ราคาทองคำสามารถวิ่งขึ้นมายืนเหนือ $1,900 ได้ แต่กลับยังไม่สามารถไปต่อได้ในทันทีจะถือว่าเป็นสัญญาณที่กำลังบอกนักลงทุนว่าตลาดต้องการพักตัวได้หรือไม่

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ราคาทองคำสามารถกลับขึ้นไปยืนเหนือ $1,900 ได้ก่อนที่ตลาดลงทุนจะปิดสัปดาห์ นั่นคือความพยายามสุดท้ายของทองคำที่ต้องการยืนเหนือระดับราคานี้ให้ได้ก่อนก้าวเข้าสู่เดือนใหม่ หากมองข้ามวันรำลึกทหารผ่านศึกที่เป็นหยุดของธนาคารอเมริกา จะพบว่าตลอดทั้งเดือนพฤษภาคมที่พึ่งผ่านไป ราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นมารวมแล้วทั้งสิ้น 8% ทำขาขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว

สาเหตุหลักที่สนับสนุนขาขึ้นของราคาทองคำในช่วงนี้คือความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในตลาดลงทุนสหรัฐฯ ถ้าถามว่าความกังวลนี้มีมากน้อยแค่ไหน? มีมากถึงขนาดนักเศรษฐศาสตร์บางคนได้ออกมาคาดการณ์ว่ามนุษยชาติอาจได้เห็นอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 35 ปี ซึ่งจะส่งผลให้สินค้าทุกอย่างแพงขึ้นไล่มาตั้งแต่ราคาไม้แปรรูปจนขึ้นไปถึงราคาที่อยู่อาศัย

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าการเร่งตัวของภาวะเงินเฟ้อนั้นเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว สาเหตุนั้นเกิดมาจากการขาดแคลนวัสดุสำหรับก่อสร้างที่อยู่อาศัยอันเป็นผลสืบเนื่องต่อมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ นี่คือสัญญาณสะท้อนการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดที่ทางภาครัฐคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว 

แต่ตามธรรมชาติของโลก เรามีสิ่งที่เรียกว่า “กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม” อยู่ การอาศัยพลังของเงินเฟ้อเพื่ออุ้มชูเศรษฐกิจก็ทำให้ทองคำได้รับอานิสงส์เชิงบวกตามไปด้วย แต่ถึงกระนั้นในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมา คู่แข่งคนสำคัญอย่างดอลลาร์สหรัฐและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กลับสามารถปรับตัวตามขึ้นมาได้ ซึ่งโดยปกติแล้วหากทองคำปรับตัวขึ้น ดอลลาร์ต้องอ่อนค่าลง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะตลาดลงทุนได้คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้เพิ่มสูงขึ้นก่อนระยะเวลาที่เคยกำหนดไว้ 

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปล่อยให้สภาพคล่องยังล้นตลาดอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ดัชนีหลายตัวซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยายตัวมากที่สุดในรอบหลายปี เฉพาะในเดือนเมษายนสามารถปรับขึ้นได้ 4.2% มากที่สุดในรอบเกือบ 13 ปี และล่าสุดดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานก็สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 0.7%

จากหลักฐานยืนยันการเติบโตของภาวะเงินเฟ้อ ทำให้นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าราคาทองคำกำลังอยู่บนเส้นทางการกลับขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดตลอดกาลเหนือ $2,000 หนึ่งในนั้นคือนักวิเคราะห์จาก Investing.com นาย Chris Vermeulen ที่วิเคราะห์ว่าหากราคาทองคำสามารถขึ้นยืนเหนือ $2,067 ได้ มีสิทธิ์ที่เราจะได้เห็นราคาทองคำที่ $3,750 

“การขึ้นไปยืนเหนือ $1,900 แสดงให้เห็นว่าราคาทองคำได้ก้าวเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ หากการวิเคราะห์ข้อมูลของเราถูกต้อง ราคาทองคำอาจจะสามารถขึ้นไปถึงสร้างจุดสูงสุดใหม่ได้ภายในช่วงกลางเดือนตุลาคมปี 2021 เมื่อทองคำสามารถขึ้นไปวิ่งอยู่ที่ระดับราคา $1,960-$1,965 ทองคำจะสามารถมุ่งหน้าสู่ $2,067 ได้ง่ายขึ้น จากนั้นเป้าถัดไปจะอยู่ที่ $2,305”

“จากจุดนี้” เขากล่าวต่อ “ขาขึ้นของราคาทองคำมีรูปแบบที่ใกล้เคียงกับช่วงขาขึ้นในระหว่างปี 2003-2006 เราจะได้เห็นราคาทองคำร้อนแรงขึ้น ท่ามกลางสภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และของโลกที่เริ่มชะลอตัวลง”

คริสยังเล่าถึงเหตุการณ์ขาขึ้นของทองคำในอดีตโดยเปรียบเทียบกับสมัยเฟดเคยทำในช่วงปี 2005-2007 ว่า

“ในช่วงเวลานั้นธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้พยายามขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดความร้อนแรงของตลาดลงทุน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือตลาดลงทุนกลับลงทุนในตลาดหุ้นและโลหะมีค่ามากขึ้นโดยให้เหตุผลหลักๆ ว่าเพื่อคานความเสี่ยงกับอนาคตในตอนนั้นที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สำหรับตอนนี้เฟดเคยพูดไว้ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีหน้าหรือปี 2023 จึงมีการเก็งกันมากขึ้นว่าเหตุการณ์ในปี 2005-2007 จะกลับมาอีกครั้งหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องหมายความว่าราคาทองคำจะปรับตัวสูงขึ้นและอาจจะไปถึง $3,750 ได้เลยเป็นเป้าแรก และถ้าเลยเถิดกว่านั้นก็อาจขึ้นถึง $6,500”

แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เชื่อว่าทองคำในตอนนี้จะยืนอยู่ในขาขึ้นได้นาน และมีโอกาสที่ราคาจะย่อกลับลงมาที่ $1,830 ก่อนด้วย หนึ่งในนั้นก็คือนาย Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์จากบริษัท S.K. Dixit Charting ประเทศอินเดีย

“ผมไม่เถียงว่าตราบใดที่ราคาทองคำยังสามารถยืนเหนือ $1,900 ก็ยังมีโอกาสเสมอที่ราคาจะสามารถขึ้นไปยัง $1,922 และ $1,958 แต่เมื่อถึงตรงนั้นแล้วจะเกิดสิ่งที่เรียกว่ารูปแบบ ‘Triple Top’ ขึ้น ด้วยความที่รูปแบบนี้เป็นสัญญาณหนึ่งของแนวโน้มขาลง จึงทำให้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะย่อตัวกลับลงมายัง $1,848 และ $1,828 ส่วนตัวแล้วโอกาสที่ราคาทองคำจะร่วงก่อนแตะ $1,960 มีมากกว่าการวิ่งขึ้นไปถึง $2,000”

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Sunil จะมีความคิดเช่นนี้ เพราะก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าขาขึ้นของทองคำไม่เคยพยายามเลย แต่พยายามแล้วที่แถวๆ $1,700 และ $1,800 และไม่ประสบความสำเร็จ ถึงขาขึ้นครั้งนี้จะขึ้นมาได้ไกลที่สุดนับตั้งแต่การปรับฐานลงไป แต่ตราบใดที่ยังไม่สามารถยืนเหนือ $2,000 ความเป็นไปได้ที่ราคาทองคำจะกลับลงไปอย่างเดิมก็ยังมีอยู่

สรุปภาพรวมและราคาทองคำ

ราคาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนมิถุนายนบนตลาด COMEX มีราคาปิดสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $1,903.60 ปรับตัวขึ้นมา $6.80 หรือคิดเป็น 0.4% ในขณะที่ทองคำที่จะส่งมอบในเดือนสิงหาคมมีราคาอยู่ที่ $1,905.30 

ส่วนราคาซื้อขายทองคำสปอตมีราคาซื้อขาย ณ ตอนนัี้นอยู่ที่ $1,903.66 ปรับตัวขึ้นมา $7.16 หรือคิดเป็น 0.4% อนึ่ง โดยปกติแล้วเทรดเดอร์และกองทุนจะนิยมดูราคาสปอตมากกว่าที่จะดูราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้า

สรุปภาพรวมและราคาน้ำมันดิบ

ราคาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI ล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนกรกฎาคมมีราคาปิดสุดท้ายในวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $66.66 บาร์เรล ซึ่งสามารถวิ่งกลับขึ้นมาจากการย่อตัวลงไปยัง $66.32 หรือคิดเป็น 0.8% ตลอดทั้งเดือน WTI ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสิ้น 4.3%

ราคาซื้อขายน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนกรกฎาคมมีราคาซื้อขายก่อนขึ้นสัปดาห์นี้อยู่ที่ $69.01 ย่อตัวลงมาจาก $68.72 ประมาณ 1% สรุปแล้วตลอดทั้งเดือนพฤษภาคมราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีราคาซื้อขายเพิ่มขึ้น 2.2%

ถึงแม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงในวันศุกร์ แต่โดยภาพรวมตลอดทั้งสัปดาห์และเดือนแล้วกลับปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หนึ่งในสาเหตุนั้นมาจากราคาน้ำมันภายในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดมีราคาสูงกว่า $3 ต่อแกลลอน นี่เป็นผลกระทบก่อนการเข้าสู่วันหยุดเพื่อรำลึกถึงทหารผ่านศึก

นอกจากจะเป็นวันรำลึกถึงผู้ที่เสียสละแล้ว ตลาดลงทุนฝั่งสหรัฐฯ จะใช้วันนี้เป็นหมุดหมายการเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนอย่างเป็นทางการ โดยปกติในช่วงนี้ชาวอเมริกันจะมีการใช้น้ำมันเป็นอย่างมากเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงหน้าร้อน ยิ่งปีนี้จะมีความคึกคักเป็นพิเศษเพราะถือเป็นการเที่ยวฉลองหลังวิกฤตโรคระบาดภายในประเทศคลี่คลายลงอย่างเห็นได้ชัด 

สมาคมผู้ขับขี่รถยนต์ของอเมริกาประเมินไว้ว่าปีนี้จะมีผู้เดินทางด้วยรถยนต์ 37 ล้านคนเพิ่มขึ้น 60% จากตัวเลขในปีที่แล้วที่ 23 ล้านคน และอย่าลืมว่าการเดินทางไกลนั้นผู้คนต้องเติมน้ำมันมากกว่าหนึ่งครั้ง ยิ่งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันให้มีมากยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้รายงานจากสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ยังระบุด้วยว่าราคาน้ำมันที่ $3.02 ต่อแกลลอนในตอนนี้สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อนวันรำลึกทหารผ่านศึกในปี 2014

ปฏิทินเศรษฐกิจสำหรับตลาดพลังงานประจำสัปดาห์นี้

วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม

วันรำลึกทหารผ่านศึกของสหรัฐอเมริกา

วันอังคารที่ 1 มิถุนายน

รายงานตัวเลขคาดการณ์ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจากภาคเอกชน

วันพุธที่ 2 มิถุนายน

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์จาก API

วันพฤหัสบดีที่ 3 มิถุนายน

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์จาก EIA

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

รายงานปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงคงคลังรายสัปดาห์จาก EIA

รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่ผ่านการกลั่นแล้วรายสัปดาห์จาก EIA  

รายงานปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังรายสัปดาห์จาก EIA

วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน

ผลสำรวจแท่นขุดเจาะน้ำมันที่เปิดใช้งานรายสัปดาห์จากเบเกอร์ ฮิวจ์

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย