Investing.com - ราคาน้ำมันลดลงอย่างหนักในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากความกังวลต่อสงครามในตะวันออกกลางลดลงหลังจากการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่านในช่วงสุดสัปดาห์นั้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้
การโจมตีดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ถึงการลดลงของค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยงในราคาน้ำมันดิบ และหันกลับไปโฟกัสที่อุปสงค์ ซึ่งคาดว่าจะอ่อนตัวลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ที่จะครบกำหนดในเดือนธันวาคมลดลง 4.1% มาเป็น 72.97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ลดลง 4.2% มาเป็น 68.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ เวลา 08:50 น. (GMT+7) ทั้งสองสัญญาปิดใกล้กับระดับต่ำสุดตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
การโจมตีของอิสราเอลหลีกเลี่ยงพื้นที่ผลิตน้ำมันและโรงงานนิวเคลียร์
อิสราเอลได้โจมตีสถานที่ทางทหารหลายแห่งของอิหร่านเมื่อวันเสาร์ แต่หลีกเลี่ยงพื้นที่ผลิตน้ำมันหลักและโรงงานนิวเคลียร์ของประเทศ
อิหร่านแสดงท่าทีว่าผลกระทบจากการโจมตีนั้นค่อนข้างจำกัด แต่ก็ยังคงขู่ที่จะตอบโต้
การโจมตีของอิสราเอลช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับการขยายความขัดแย้งอย่างรุนแรงในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นความกังวลของนักลงทุนว่าจะเกิดการโจมตีในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาน้ำมันจากภูมิภาคนี้ได้
แนวโน้มเหล่านี้ได้ผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบเพิ่มสูงขึ้นในเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลในช่วงต้นเดือนตุลาคม
แม้อิสราเอลจะแสดงความอดกลั้นให้เห็นบ้าง แต่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะขยายตัว โดยอิสราเอลยังคงทำการโจมตีอย่างต่อเนื่องกับกลุ่มฮามาสและฮิซบอลเลาะห์
จับตาข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้
นอกเหนือจากความขัดแย้งในตะวันออกกลางแล้ว ความสนใจในสัปดาห์นี้ก็จะอยู่ที่การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญเพื่อเป็นแนวทางเกี่ยวกับความต้องการน้ำมันทั่วโลก
โดยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จาก สหรัฐอเมริกา และ ยูโรโซน มีกำหนดการณ์จะรายงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ข้อมูล ดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญก็จะมีการรายงานในช่วงสุดสัปดาห์
ข้อมูล PMI จากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกก็มีกำหนดการณ์จะประกาศออกมาในช่วงท้ายสัปดาห์ โดยจะมีการรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับประเทศหลังจากที่จีนได้เปิดตัวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ในเดือนที่ผ่านมา