InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (11 ก.ย.) หลังจากมีรางานว่าบริษัทพลังงานหลายแห่งได้ระงับการผลิตที่แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งของสหรัฐฯ เนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน (Francine) กำลังพัดขึ้นฝั่งในรัฐลุยเซียนา
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2.37% ปิดที่ 67.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 70.61 ดอลลาร์/บาร์เรล
แอนดรูว์ ลิโพว์ ประธานบริษัท Lipow Oil Associates กล่าวว่า ความวิตกกังวลที่ว่าพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีนจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน พร้อมกับคาดการณ์ว่า ในสัปดาห์หน้า อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนลูกนี้จะส่งผลกระทบต่อเรือบรรทุกน้ำมันที่แล่นผ่านอ่าวเม็กซิโก
สำนักงานนิรภัยและการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (BSEE) ระบุว่า 39% ของการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกถูกระงับแล้วเมื่อวานนี้ ขณะที่บริษัทพลังงานหลายแห่งได้อพยพพนักงานออกจากเส้นทางของพายุเฮอร์ริเคนฟรานซีน นอกจากนี้ BSEE ระบุว่า 49% ของการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวถูกระงับเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคนเช่นกัน
ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า อ่าวเม็กซิโกทางตอนเหนือซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสหรัฐฯ มีการผลิตน้ำมันในสัดส่วน 15% ของการผลิตน้ำมันดิบทั้งหมดในสหรัฐฯ และผลิตก๊าซธรรมชาติในสัดส่วน 2% ของการผลิตทั้งหมดภายในประเทศ
EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 833,000 บาร์เรล แตะระดับ 419.1 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าเพิ่มขึ้น 987,000 บาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 400,000 บาร์เรล และสต็อกน้ำมันกลั่นซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 300,000 บาร์เรล