InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดถูกกดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกชะลอตัว, สต็อกน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และจากการที่นักลงทุนมีความหวังน้อยลงว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 5 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 78.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค. 2567
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.28% ปิดที่ 83.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
อเล็กซ์ โฮดส์ นักวิเคราะห์จากบริษัท StoneX กล่าวว่า ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์ต่างก็ปิดที่ระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะเวลา 200 วัน ซึ่งในทางเทคนิคแล้วถือเป็นการบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันเริ่มเข้าสู่ภาวะตลาดหมี
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (1 พ.ค.) ราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงกว่า 3% หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 7.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล และหลังจากที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันดังกล่าว โดยเฟดระบุว่าเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากความกังวลว่าอุปสงค์น้ำมันจะชะลอตัวลงในประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยข้อมูลจาก Insights Global ระบุว่า สต็อกก๊าซออยล์ (Gasoil) ซึ่งรวมถึงน้ำมันดีเซล ที่โรงกลั่นและศูนย์จัดเก็บน้ำมันในเมืองอัมสเตอร์ดัม-รอตเตอร์ดัม-แอนต์เวิร์ปในยุโรปนั้น เพิ่มขึ้นกว่า 3% ในรอบสัปดาห์ที่นับจนถึงวันพฤหัสบดีที่ 2 พ.ค.
อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจากมีรายงานว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจจะขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตหากอุปสงค์น้ำมันไม่ฟื้นตัว