Investing.com - ราคาน้ำมันปรับลงเล็กน้อยขยายการขาดทุนจากเซสชั่นก่อนหน้าในตลาดเอเชียวันนี้ เนื่องจากโฟกัสของตลาดยังคงอยู่ที่ความคืบหน้าของการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส
การคาดการณ์เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นเป็นเวลานานก่อนการประชุมของธนาคารกลางในสัปดาห์นี้ ก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นเช่นกัน
น้ำมันดิบเบรนท์ฟิวเจอร์ส ซึ่งจะครบกำหนดในเดือนมิถุนายน ขยับลง 0.1% เป็น 88.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ น้ำมันดิบ WTI ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.2% เป็น 82.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 20:54 ET (00:54 GMT)
น้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนเมษายน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ในระดับที่ขาดทุน 0.8% ในเดือนเมษายน
จับตาการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและฮามาส
รายงานของสื่อระบุว่า อิสราเอลเสนอการหยุดยิงที่ 40 วันแก่กลุ่มฮามาส ขณะที่ผู้แทนจากทั้งสองมาพบกันที่อียิปต์เพื่อเจรจาครั้งใหม่ คณะผู้แทนกลุ่มฮามาสเดินทางออกจากกรุงไคโร และจะกลับมาพร้อมคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษรต่อข้อเสนอดังกล่าว
ข้อเสนอดังกล่าวเสนอการพักรบ 40 วันเพื่อแลกกับการส่งตัวประกันกลับมา และครอบครัวผู้พลัดถิ่นจะได้รับอนุญาตให้กลับเข้าสู่ฉนวนกาซาตอนเหนือ นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อเสนอใหม่ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มฮามาสในการหยุดยิงถาวร
การเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและฮามาสล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกลุ่มฮามาสระบุว่าจะไม่ยอมรับข้อเสนอใด ๆ หากขาดการหยุดยิงถาวร
แต่การหยุดยิงแสดงให้เห็นถึงการลดความรุนแรงของความขัดแย้ง ซึ่งอาจส่งผลให้นักลงทุนปรับลดค่าพรีเมี่ยมความเสี่ยงของน้ำมันลงอีกด้วย
ความกลัวว่าอุปทานในตะวันออกกลางจะหยุดชะงักนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนราคาน้ำมันในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่แนวคิดดังกล่าวก็ค่อนข้างผ่อนคลายลงหลังจากความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลไม่ได้ทำให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบ
อัตราดอกเบี้ย และเงินดอลลาร์ยังคงมีแรงกดดัน
ราคาน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงขึ้นในระยะยาว ก่อน การประชุมเฟด ในสัปดาห์นี้
ธนาคารกลางถูกคาดหวังว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ แต่สัญญาณใด ๆ เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอาจจะต้องจับตาดูต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทรดเดอร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าไม่มีโอกาสที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2024
ตลาดเกรงว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นเวลานานจะกดดันเศรษฐกิจโลกและส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ลดลง
การแข็งค่าของ ดอลลาร์ ยังกดดันราคาน้ำมันอีกด้วย