InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% ใกล้หลุดระดับ 83 ดอลลาร์ในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนธ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 2.39 ดอลลาร์ หรือ 2.79% สู่ระดับ 83.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ออกรายงานระบุว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสลุกลามออกนอกภูมิภาค และทำให้อิหร่านเข้าร่วมในความขัดแย้งดังกล่าว ก็จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 250 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวได้ประเมินผลกระทบของสงครามออกเป็น 3 ฉากทัศน์ โดยระบุว่า หากสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสทำให้เกิดการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน และทำให้การขนส่งน้ำมันหยุดชะงักลง เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งเหนือระดับ 130 ดอลลาร์/บาร์เรล
และหากสงครามมีการขยายตัวจนทำให้การขนส่งน้ำมันลดลง 2 ล้านบาร์เรล/วัน ราคาน้ำมันก็จะพุ่งสูงกว่าระดับ 150 ดอลลาร์/บาร์เรล
นอกจากนี้ ในกรณีเลวร้ายที่สุด หากสหรัฐทำการโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้ต่อการให้ความช่วยเหลือต่อกลุ่มฮามาส และทำให้อิหร่านปิดกั้นช่องแคบฮอร์มุซ เหตุการณ์ดังกล่าวจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 250 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทั้งนี้ อิสราเอลประกาศทำสงครามเฟส 2 กวาดล้างกลุ่มฮามาส โดยเปิดฉากปฏิบัติการภาคพื้นดินเคลื่อนขบวนรถถังเข้าสู่ฉนวนกาซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้นำอิหร่านออกโรงเตือนว่า การโจมตีของอิสราเอลในฉนวนกาซาถือเป็นการล้ำเส้นแดง และอาจทำให้ทุกฝ่ายออกมาเคลื่อนไหว
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักลงทุนเทน้ำหนักในการคาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งสุดท้ายในปีนี้ แม้ว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 98.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 31 ต.ค.-1 พ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 79.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 12-13 ธ.ค. หลังจากให้น้ำหนักเพียง 57.7% เมื่อเดือนที่แล้ว