InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (10 ต.ค.) หลังจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันจากหลายหน่วยงานในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงสำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 85.97 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 50 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 87.65 ดอลลาร์/บาร์เรล
นายวิเวก ธาร์ นักวิเคราะห์ด้านพลังงานของธนาคารคอมมอนเวลธ์ กล่าวว่า การที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและอย่างยาวนานนั้น เหตุการณ์ความขัดแย้งจะต้องกระทบต่อการขนส่งน้ำมัน และทำให้ปริมาณน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสในขณะนี้ยังไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ทั้งนี้ อิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างก็ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยอิสราเอลมีโรงกลั่นน้ำมันเพียง 2 โรง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันราว 300,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปาเลสไตน์ไม่มีการผลิตน้ำมัน
ด้านโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะยังไม่ส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อปริมาณน้ำมันในตลาด แต่จะกระทบต่อการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างอิสราเอลและซาอุดีอาระเบีย
ส่วนกรณีที่สื่อรายงานว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนให้กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลนั้น ล่าสุดสหรัฐยืนยันว่ายังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าอิหร่านมีส่วนร่วมโดยตรงในการโจมตีอิสราเอล ซึ่งหากสงครามไม่ขยายวงไปถึงอิหร่าน ก็จะไม่สามารถหนุนราคาน้ำมันในระยะยาว
นักลงทุนจับตารายงานอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้ (11 ต.ค.) สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มพลังงานระยะสั้น (Short-term Energy Outlook) ส่วนกลุ่มโอเปก และสำนักงานพลังงานสากล (IEA) จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มตลาดน้ำมันประจำเดือนในวันพรุ่งนี้ (12 ต.ค.)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐจาก IEA ในวันพรุ่งนี้ โดยเลื่อนการรายงานออกไป 1 วันจากปกติที่รายงานในวันพุธ เนื่องจากหน่วยงานราชการของสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์ที่ 9 ต.ค.เนื่องในวันโคลัมบัส