InfoQuest - นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่าราคาทองคำในประเทศที่เคลื่อนไหวในแดนบวกอย่างต่อเนื่อง ทำราคาสูงสุดใหม่อีกครั้ง และมีแนวโน้มที่จะทำราคาสูงสุดใหม่ต่อเนื่องไปอีกระยะหนึ่งตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามสกุลเงินในภูมิภาคที่อ่อนค่าอยู่ในช่วงนี้
โดยจากต้นปีค่าเงินบาทอ่อนค่าแล้วกว่า 4% เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีอัตราผลตอบแทนต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยจากการคาดการณ์ของตลาดที่มองว่าอาจจะมีโอกาสได้เห็นเงินบาทอ่อนค่าถึง 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากเงินบาทอ่อนค่าไปถึงระดับนั้น ราคาทองคำในประเทศก็มีโอกาสขึ้นไปแตะ 33,250-33,550 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งหากราคาทองคำขึ้นไปถึงจุดนั้นแนะนำแบ่งขายทำกำไร
อย่างไรก็ดีไม่ใช่เพียงราคาทองคำในประเทศไทยเท่านั้นที่ทำราคาสูงสุดใหม่ แต่ราคาทองคำในภูมิภาคก็ทำราคาสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยที่ราคาทองคำในตลาดโลกไม่ได้เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงมากนัก
ทั้งนี้วายแอลจีประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทน่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจาก หากพิจารณาจากภาพรวมเศรษฐกิจของทั่วโลกแล้วมองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่สามารถยืนนโยบายดอกเบี้ยระดับสูงไว้เป็นระยะเวลานานได้ เพราะอาจจะกระทบต่อธุรกิจ SME และภาคธนาคาร จึงมองว่าภายในไตรมาส 1 ปีหน้า อัตราดอกเบี้ยจะเริ่มปรับลดลง
สำหรับ ราคาทองคำในประเทศที่ปรับขึ้นมาจนสามารถทำ All Time High ในช่วงนี้จึงมองว่าจะเป็นการปรับขึ้นมาในระยะสั้น นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ในกรอบ แนวรับ 32,450-32,150 บาทต่อบาททองคำ และหาจุดทำกำไรที่แนวต้าน 33,250-33,550 บาทต่อบาททองคำ
อย่างไรก็ดีแม้จะมองว่าราคาทองปรับตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วแค่ระยะสั้น แต่ภาพใหญ่ในระยะ 3- 5 ปี ราคาทองคำก็ยังมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในแดนบวก เพราะทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงดังกล่าวน่าจะเริ่มเป็นขาลง