InfoQuest - สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (14 ก.ย.) ทำสถิติทะยานขึ้นเหนือระดับ 90 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2565 ขานรับแนวโน้มอุปทานน้ำมันตึงตัวในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.64 ดอลลาร์ หรือ 1.85% ปิดที่ 90.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 7 พ.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 1.98% ปิดที่ 93.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. 2565
สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า การที่ซาอุดีอาระเบียขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจำนวน 1 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ และรัสเซียขยายเวลาปรับลดการส่งออกน้ำมันสู่ระดับ 300,000 บาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้น้ำมันในตลาดโลกอยู่ในภาวะตึงตัวไปจนถึงไตรมาส 4 ปีนี้
การคาดการณ์ของ IEA สอดคล้องกับรายงานล่าสุดของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีนี้และปีหน้า พร้อมกับคาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันโลกจะอยู่ในภาวะตึงตัวในปีนี้ หากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันยังคงปรับลดกำลังการผลิตต่อไป
ทั้งนี้ โอเปกคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่วนในปี 2567 คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยระบุว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจะเป็นแรงผลักดันอุปสงค์น้ำมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟื้นตัวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางทางอากาศ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะทำให้อุปสงค์น้ำมันในปี 2566 พุ่งขึ้นสูงกว่าในช่วงก่อนที่โรคโควิด-19 จะแพร่ระบาด