Investing.com - น้ำมันดิบลดลงในเอเชียเมื่อวันศุกร์หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธระยะกลางระหว่างเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นและมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อตอบโต้การกระทำของสหรัฐฯและพันธมิตรในการผลักดันมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหประชาชาติต่อเกาหลีเหนือ นักลงทุนมองที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ การนับแท่นขุดเจาะน้ำมันประจำสัปดาห์
ใน New York Mercantile Exchange น้ำมันดิบฟิวเจอร์สร่วง สำหรับส่งมอบในเดือนตุลาคมลดลง 0.52% มาอยู่ที่ 46.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขณะที่ Brent ของตลาดหุ้น London’s Intercontinental Exchange 0.29% มาอยู่ที่ 55.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากรายงานทั้ง 2 ฉบับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งชี้ให้เห็นว่าความต้องการใช้น้ำมันของโลกที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้อุปทานนน้ำมันเพิ่มขึ้น
น้ำมันดิบล่วงหน้า เพิ่มขึ้นเหนือ 50 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรลในครั้งแรกในรอบ5สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานจาก International Energy Agency (IEA) เมื่อวันพุธว่าความต้องการน้ำมันของโลกในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2015
IEA ปรับประมาณการการเติบโตของอุปสงค์น้ำมันในปี 2017 โดยเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรลต่อวันเป็น 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือ 1.7% แนวโน้มอุปสงค์น้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้คาดการณ์ว่าความไม่สมดุลย์ระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดน้ำมันจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
รายงานของ IEA เปิดเผยหละงจากโอเปกระบุว่าผลผลิตในเดือนส. ค. ลดลง 79,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 32.76 ล้านบาร์เรลเนื่องจากผลผลิตลดลงจาก เวเนซุเอลา, อิรัก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ซาอุดีอาระเบีย ลดการผลิตเพื่อชดเชยผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากไนจีเรีย
การลดลงของผลผลิตของโอเปกส่งผลให้นักลงทุนรู้สึกโล่งใจ ซึ่งหลายคนได้ตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นของกลุ่มผู้ค้าน้ำมันเพื่อแก้ไขปัญหาอุปทานส่วนเกินหลังจากที่กลุ่มมีอัตราการปฏิบัติตามข้อตกลงทั่วโลกเพื่อลดการผลิตลดลง
"ข้อปฏิบัติด้านอุปสงค์และอุปทานจากโอเปคและรัสเซียเป็นสาเหตุสำคัญของการขึ้นราคาน้ำมัน” นักวิเคราะห์ของ Forex.com Fawad Razaqzada กล่าว
ในเดือนพฤษภาคม โอเปกและสมาชิกที่ไม่ใช่กลุ่มโอเปก ตกลงที่จะขยายการผลิตลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นระยะเวลาเก้าเดือนจนถึงเดือนมีนาคม 2018