การเปิดจำหน่ายหุ้น IPO ในช่วงครึ่งแรกของปี 2019 ถือว่าเป็นช่วงที่มีความวุ่นวายที่สุดในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เราได้ทำการวิเคราะห์เกี่ยวกับการเปิด IPO ของหุ้นขนาดใหญ่ในช่วงครึ่งปีแรกไปเมื่อ ไม่นานมานี้ และในวันนี้เราจะมาดูหุ้นที่น่าจะเปิด IPO ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้กัน
ในขณะที่ยังไม่มีการส่งรายงาน S-1 ไปยังตลาดหลักทรัพย์ เราก็จะยังไม่ทราบได้เลยว่าจะหุ้นของบริษัทใดจะเปิดจำหน่าย IPO เมื่อไหร่ ดังนั้นในระหว่างที่รอการเปิดเผยรายงาน S-1 ออกมา เราจะทำการวิเคราะห์จากข้อมูลเบื้องต้นที่มีในตลาดไล่เรียงไปทีละบริษัท และเมื่อมีรายงานดังกล่าวออกมา เราจะมาทำการวิเคราะห์เป็นรายบริษัทอีกครั้งหนึ่ง
บริษัท We (WeWork)
มูลค่าที่ประเมินไว้ล่าสุดคือ 47,000 ล้านเหรียญ (ปี 2019)
บริษัท WeWork เริ่มต้นธุรกิจด้วยแนวความคิดในการสร้างพื้นที่สำหรับการทำงานร่วมกัน โดยการให้เช่าพื้นที่สำหรับใช้เป็นออฟฟิศพร้อมให้บริการด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ หากธุรกิจใดมีจำนวนพนักงานไม่มากหรือต้องการเช่าใช้งานระยะสั้น บริษัทก็มีแผนบริการที่ยืดหยุ่นและหลากหลายให้เลือกได้ตามระยะเวลาและขนาดพื้นที่ที่ต้องการ พร้อมทั้งมีอุปกรณ์ เครื่องใช้สำนักงานเตรียมไว้ให้อย่างครบถ้วน
ปัญหาใหญ่ของรูปแบบธุรกิจของ WeWork ก็คือ ในปี 2018 บริษัทรายงานว่ามีการขาดทุน 1,900 ล้านเหรียญ จากรายได้ที่ได้รับ 1,800 ล้านเหรียญ โดยอ้างว่าการขาดทุนที่เกิดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนเพื่อขยายกิจการต่อไปในอนาคต ซึ่งก็อาจจะเป็นความจริงสำหรับธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 47,000 ล้านเหรียญที่จะประสบภาวะขาดทุนได้
แม้ว่า WeWork จะส่งรายงาน S-1 ให้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไปตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018 แล้วนั้น ปัจจุบันก็ยังไม่มี กำหนดการที่แน่นอน ในการเปิดจำหน่าย IPO นักลงทุนจึงอาจต้องรออีกระยะหนึ่งก่อนที่จะสามารถรับรู้รายละเอียดและประวัติทางการเงินของบริษัทก่อนจะมีการเปิด IPO
Airbnb
มูลค่าที่ประเมินไว้ล่าสุด 38,000 ล้านเหรียญ (ปี 2019)
ดาวรุ่งอีกดวงในธุรกิจทางด้านการนำสินทรัพย์ที่ด้อยค่ากลับมาทำประโยชน์อีกครั้งก็คือ Airbnb ก็เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่มี ข่าวลือว่าจะเปิด IPO มาเป็นเวลานับปีแล้ว เวลาแห่งการรอคอยอาจจะสิ้นสุดลงเร็วๆ นี้ เนื่องจากตลาดหุ้นที่กำลังปรับตัวสูงทำลายสถิติได้อย่างต่อเนื่องในปัจจุบันน่าจะเป็นโอกาสดีที่ Airbnb จะเข้ามาเสนอขายหุ้นของตนต่อสาธารณะ
ธุรกิจของ Airbnb คือการเสนอให้บุคคลทั่วไปสามารถสร้างรายได้พิเศษจากการเปิดบ้านของตนเองเพื่อให้แขกผู้มาเยือนได้เข้าพักอาศัย ธุรกิจของบริษัทได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและมีรายงานว่ารองรับการเข้าพักของผู้คนได้ถึง 2 ล้านคนต่อคืน นอกจากนี้ฐานะทางการเงินของ Airbnb ก็อยู่ในสถานะที่ดี โดยมีรายได้ในไตรมาสที่ 3 กว่า 1 พันล้านเหรียญ นอกจากนี้ Airbnb ยังมีกำไร EBITDA เป็นบวกได้ตลอดช่วงสองปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงและสร้างรายได้ได้ดีบริษัทหนึ่งเลยทีเดียว
ปัจจุบัน Airbnb ยังไม่ได้ส่งรายงาน S-1 แต่เมื่อบริษัทส่งรายงานนี้เมื่อใดก็น่าจะเปิดจำหน่าย IPO ภายในเวลาไม่กี่เดือนหลังจากนั้นได้
Palantir
มูลค่าที่ประเมินไว้ล่าสุด 25,000 ล้านเหรียญ (ปี 2015)
Palantir เป็นบริษัทวิเคราะห์และหาข้อมูลที่ ค่อนข้างเป็นความลับ ที่ทำงานให้กับรัฐบาลและองค์กรเอกชน โดยจะทำการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อหาข้อมูลสำคัญที่อาจถูกมองข้ามและน่าจะนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้ มีรายงานว่าบริษัทเคยช่วยเหลือรัฐบาลสหรัฐฯ ในการตามจับตัวอุสมา บินลาเดนในปี 2011 ด้วย บริษัท Palantir ก่อตั้งขึ้นในปี 2005 ดังนั้นจึงพ้นกำหนดการเปิด IPO ไปเรียบร้อยแล้ว
ในปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าบริษัททำรายได้ได้เกือบ 1 พันล้านเหรียญ และมีการขาดทุนเพียงประมาณ 30 ล้านเหรียญเท่านั้น บริษัทมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 40% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจของบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง บริษัท Palantir ได้รับการประเมินมูลค่าล่าสุดในปี 2019 อยู่ที่ 4,100 ล้านเหรียญ
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าบริษัท Palantir จะเปิด IPO ในปี 2019 หรือไม่ เนื่องจากบริษัทอาจยังจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างแผนกการเงินและว่าจ้างผู้บริหารฝ่ายการเงินที่มีประสบการณ์สูงเข้าทำงานก่อนที่จะส่งรายงาน S-1 ได้ แต่กระนั้นนักลงทุนหลายรายก็ต่างเรียกร้องให้มีการเปิด IPO เพราะไม่อยากพลาดโอกาสดีเช่นนี้ไป
Peloton
มูลค่าที่ประเมินไว้ล่าสุด 4,100 ล้านเหรียญ (2018)
บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่าง Peloton กำลังเตรียมการเปิด IPO ในปี 2019 ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน โดยบริษัทได้ส่งรายงาน S-1 ให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ไปอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้แล้ว บริษัท Peloton เป็นผู้จำหน่ายเครื่องปั่นจักรยานและลู่วิ่งสายพานพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสขนาดใหญ่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมคลาสออกกำลังกายได้อย่างสะดวก ซึ่งเครื่องปั่นจักรยานมีราคาอยู่ที่เกือบ 2,000 เหรียญ และผู้ซื้อจะต้องจ่ายค่าสมาชิกรายปีเพื่อเข้าร่วมคลาสออกกำลังกายอีกเกือบ 500 เหรียญต่อปี มีรายงานว่าบริษัทจำหน่ายเครื่องปั่นจักรยานได้ถึง 400,000 เครื่องแล้ว และมีรายได้ในปีที่ผ่านมามากกว่า 700 ล้านเหรียญซึ่งมีจำนวนมากขึ้นเกือบสองเท่าจากรายได้ในปีที่แล้วที่ทำได้ 370 ล้านเหรียญ
Peloton ไม่ได้จำหน่ายเพียงเครื่องปั่นจักรยานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงบริการทางสังคมและสถานะของบุคคลด้วย อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวยังคงมีคำถามว่าบริษัทจะสามารถเพิ่มยอดขายให้ขึ้นถึงหลักล้านเครื่องได้หรือไม่ บริษัทจะขยายธุรกิจเพิ่มเติมให้มากไปกว่าธุรกิจทางด้านอุปกรณ์ออกกำลังกายหรือไม่? เราจะทราบคำตอบทุกอย่างได้จากรายงาน S-1 ที่กำลังจะเปิดเผยให้ทราบเร็วๆ นี้ แต่เราคาดการณ์เบื้องต้นว่าบริษัท Peloton จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะหลงรักแบบไม่มีเหตุผลเลยทีเดียว