หากถามว่าในช่วงครึ่งปีแรกของ 2021 เราได้เห็นเทรนด์อะไรเกิดขึ้นบ้าง? สิ่งที่สามารถบอกได้ทันทีมีอยู่สามประการ หนึ่งคือการย้ายเงินลงทุนเข้ามาสู่กลุ่มเน้นคุณค่ามากขึ้น สองคือภาวะเงินเฟ้อในประเทศที่พัฒนาแล้วและสามคือประเทศที่ยังไม่พัฒนาก็ยังต้องจมอยู่กับปัญหาโควิดต่อไป
การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน 46% ส่งผลให้หุ้นของบริษัทในกลุ่มพลังงานที่สังกัดอยู่บนดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อันดับสองรองจากหุ้นบริษัทพลังงานคือหุ้นในกลุ่มการเงินที่สามารถปรับตัวขึ้นมาได้ 25% ในสัปดาห์ที่เป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการออกจากครึ่งปีแรกและการเข้าสู่ครึ่งปีหลัง มีหุ้นตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง ในบทความนี้เราจะพาไปดูกัน
1. Micron Technology
บริษัทผู้มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นาม ‘ไมครอน เทคโนโลยี’ (NASDAQ:MU) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันพุธที่ 30 มิถุนายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์ประเมินว่าไตรมาสนี้บริษัทไมครอนเทคฯ จะสามารถทำกำไรได้ $7,200 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.71
ในไตรมาสที่แล้ว บริษัทไมครอนเทคฯ ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรของไตรมาสนี้ เพราะเชื่อว่าความต้องการชิปคอมพิวเตอร์ในการผลิตโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์จะเพิ่มขึ้นจนดันตัวเลขยอดขายขึ้นภายในเวลาเดียวกัน ล่าสุดราคาหุ้นของบริษัทไมครอนเทคฯ มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $82.03 ตลอดทั้งปี 2021 ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 9%
นายซันเจย์ เมห์โรตรา CEO ของบริษัทไมครอนเทคฯ เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในเดือนมีนาคมว่า
“ปีนี้ผมเชื่อว่าความต้องการชิปหน่วยความจำจะยังมีสูงเมื่อเทียบกับจำนวนและความสามารถในการผลิตชิปที่มีอย่างจำกัด นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราอนุมานไปเอง ไม่เชื่อคุณก็ลองมองดูไปรอบๆ ตัวคุณในตอนนี้แล้วบอกผมมาว่ายังมีของชิ้นไหนอีกหรือไม่ที่โทรศัพท์ของคุณไม่สามารถสั่งการได้”
2. Constellation Brands
บริษัทผู้ผลิตเบียร์ชื่อดังยี่ห้อ ‘โคโรนา’ ที่ไม่ใช่ไวรัสโคโรนา 2019 (NYSE:STZ) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 1 ปี 2022 ในวันพุธที่ 30 มิถุนายนก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่าบริษัทคอนสเตลเลชั่น แบรนด์สในไตรมาสนี้จะสามารถรายงานตัวเลขยอดขายออกมาอยู่ที่ $2,000 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.35
หลังจากที่ยอดขายของคอนสเตลเลชั่น แบรนด์สต้องเผชิญกับวิกฤตจากโรคระบาดอยู่พอสมควรในปีที่แล้ว ยอดขายของบริษัทในปีนี้กำลังฟื้นตัวกลับคืนมาได้อีกครั้งเพราะร้านอาหาร บาร์ และภัตตาคารในโลกฝั่งตะวันตกสามารถกลับมาเปิดกิจการได้ตามปกติ ช่วยฟื้นยอดขายเครื่องดื่มของบริษัทได้
ผู้บริหารของคอนสเตลเลชั่น แบรนด์สบอกกับนักลงทุนในเดือนเมษายนว่าการรายงานปีงบประมาณในช่วง 2022 จะกลับมาเติบโตได้ 2-4% เพราะการตลาดที่ดุดันและความสามารถในการอัพราคาได้เร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ ล่าสุดหุ้นของคอนสเตลเลชั่น แบรนด์สมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $228.60 ในปีนี้เติบโตขึ้นมาแล้ว 4%
3. Walgreens Boots Alliance
ร้านขายยาปลีกที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันสองในสหรัฐอเมริกา ‘วอลกรีนส์ บู๊ทส์ อลิอันซ์’ (NASDAQ:WBA) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า WBA จะสามารถทำกำไรในไตรมาสนี้ได้ $33,490 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.15
WBA เป็นบริษัทที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากวิกฤตโควิดเป็นอย่างมาก เพราะรัฐบาลได้อนุญาตให้สาขาของ WBA ทั่วทั้งประเทศเป็นจุดกระจายวัคซีน ทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการร้านขายยาของ WBA มากขึ้น ในเดือนมีนาคม WBA ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรในปี 2021 ขึ้นเพราะเชื่อว่าวัคซีนจะสามารถชดเชยรายได้ที่ต้องสูญเสียไปกับการปิดๆ เปิดๆ สาขาในช่วงการระบาดในปี 2020 นอกจากนี้ WBA ต้องเผชิญกับการตัดราคาจากคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่างอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) ด้วย
อย่างไรก็ตามในปีนี้หุ้นของ WBA สามารถเติบโตได้มากถึง 30% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $52.16 อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพยายามพัฒนาระบบวัคซีนเดลิเวอรี่ด้วยการเป็นพาร์เนอร์กับบริษัทอูเบอร์ (NYSE:UBER) เพื่อกระจายวัคซีนให้เข้าถึงชาวอเมริกันได้อย่างทั่วถึง