► บริษัทปรับ Guidance และมุมมองกำรลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
► คาดราคานามันดิบ จะกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
► แนวโน้มผลประกอบการ ในช่วงที่เหลือของปีจะทรงตัวในระดับต่ำ
► คงสมมติฐานราคาน้ำมันปี 2563 และ 2564 ไว้ที่ 36 และ 40 เหรียญต่อบาร์เรล
► ราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวระยะสั้น
บริษัทปรับ Guidance และมุมมองต่อการลงทุน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์
จากการเข้าฟังผู้บริหารบริษัทล่าสุด บริษัทปรับ Guidance เพื่อสะท้อนความเสี่ยงต่อ สถานการณ์ราคาน้้ามันดิบปัจจุบัน รวมทั้งมุมมองต่อแผนการลงทุนที่เปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ บริษัทปรับเป้าหมาย (1) เป้าหมายยอดขายปิโตรเลียมลดลง 7.4% จากเดิม เหลือ 362,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.2%YoY (2) สมมติฐานราคาขายก๊าซฯ ลดลง 7.8% จากเดิม เหลือ 5.9 เหรียญต่อ MMBTU ลดลง 14.7%YoY (3) ปรับลดต้นทุนผลิตเหลือ 30 – 31 เหรียญต่อ บาร์เรล (เดิม 32 เหรียญ) และ (4) ปรับลดเป้าหมาย EBITDA Margin ลดลงจาก 70-75% เหลือ 65-70% เพื่อสะท้อนผลกระทบจากความต้องการใช้น้้ามันดิบที่ลดลง และภาวะ สงครามราคาน้้ามันของกลุ่มประเทศผู้ผลิต อย่างไรก็ตามราคาน้้ามันดิบที่ปรับลดลง บริษัท มองเป็นโอกาสในการขยายการลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่มีคุณภาพ โดยจะเน้นแหล่ง ปิโตรเลียมที่ใกล้จะด้าเนินการผลิต หรืออยู่ระหว่างดำเนินการผลิตภายในภูมิภาค โดยบริษัท ยังคงมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งจากเงินสดในมือ ณ สิ้น 1Q63 ที่สูงถึง 3,248 ล้านเหรียญ และ อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.29 เท่า
คาดราคาน้ำมันดิบ จะกลับมาฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เราประเมินราคาน้้ามันดิบ (Dubai) เฉลี่ยในปี 2563 อยู่ที่ 36 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 43%YoY โดยเรามองว่าราคาน้้ามันดิบที่ต่่ำกว่า 20 เหรียญต่อบาร์เรลในเดือน เม.ย. จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2563 โดยแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในช่วงที่เหลือของปี จะกลับมาฟื้นตัวอย่าง ค่อยเป็นค่อยไปจาก (1) ความต้องการใช้น้้ามันที่เพิ่มขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลาย มาตรการล็อกดาวร์เมือง (2) ก้าลังผลิตที่เริ่มลดลง จากกลุ่มผู้ผลิตต้นทุนสูง ที่ผลประกอบการ ได้รับผลกระทบจากราคาน้้ามันดิบตกต่ำ และ (3) มติลดกำลังผลิตของกลุ่ม OPEC+ และ ประเทศผู้ผลิตหลักในกลุ่ม G20 เริ่มตั้งแต่ พ.ค. ขณะที่ปี 2564 เราคาดว่าราคาน้้ามันจะกลับ ขึ้นมาอยู่ที่ 40 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 11%YoY
แนวโน้มผลประกอบการ ในช่วงที่เหลือของปีจะทรงตัวในระดับต่ำ
เราคาดว่าผลประกอบการ 2Q63 มีโอกาสลดลงทั้ง QoQ และ YoY อย่างมีนัยสำคัญ จาก (1) ยอดขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 349,000 บาร์เรลต่อวัน ลดลง 4%QoQ และ (2) ราคา ขายก๊าซฯ จะเริ่มปรับลดลงเหลือ 6.2 เหรียญต่อ MMBTU ลดลง 10%QoQ และลดลง 12%YoY และ (3) เราคาดว่าราคาน้้ามันดิบ 2Q63 มีโอกาสลดลง 40% - 50%QoQ ซึ่งจะทำให้ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ 2Q63อยู่ที่ 30 – 33 เหรียญต่อบาร์เรล ลดลง 26% - 33%QoQ ด้านราคาขายก๊าซฯ ในช่วง 2H63 หากเราพิจารณาจาก Guidance ของบริษัท ราคาขายก๊าซ ฯ 2H63 อยู่ที่ 5.27 เหรียญ ลดลง 19.4% จาก 1H63 เรายังคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวของ ราคาน้้ามันดิบในช่วง 2H63 เพื่อลดผลกระทบจากราคาก๊าซฯ ที่ปรับลดลง และยอดขาย ปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันใน 2H63ไม่น้อยกว่า 368,000 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.4% จาก 1H63
ราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกต่อราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวระยะสั้น
ราคาน้้ามันดิบที่ฟื้นตัวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อการลงทุนใน PTTEP เนื่องจากราคาหุ้น และราคาน้้ามันดิบมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน สะท้อนจากราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 9% ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตามการฟื้นตัวของราคาน้้ามันดิบ อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวในระยะ สั้นของราคาหุ้น ยังมีปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการ 2Q63 ที่จะเริ่ม เห็นผลกระทบของการปรับลดงของราคาน้้ามันดิบ ด้านราคาหุ้นที่เริ่มมีที่ Upside จำกัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำเชิงปัจจัยพื้นฐาน “ถือ” ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนเราแนะน้าเพียงการเก็ง กำไรตามแนวโน้มราคาน้้ามันเท่านั้น
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities